เมนู

เถรีคาถา จตุกกนิบาต


ว่าด้วยคาถาในจตุกกนิบาต


1. ภัททกาปิลานีเถรีคาถา


[438] พระมหากัสสปเถระผู้เป็นบุตร เป็น
ทายาทของพระพุทธเจ้า มีจิตตั้งมั่นดี ท่านรู้ขันธ์ที่
อยู่อาศัยในก่อน เห็นสวรรค์และอบาย ถึงความสิ้น
ชาติ เป็นผู้เสร็จกิจแล้วเพราะรู้ยิ่ง เป็นมุนี เป็น
พราหมณ์ผู้ได้วิชชา 3 ด้วยวิชชา 3 เหล่านี้ นาง
ภัททกาปิลานีก็ได้วิชชา 3 เหมือนพระมหากัสสปะ
ละมัจจุได้ ทรงร่างกายนี้เป็นที่สุด ชนะมารพร้อมทั้ง
พาหนะ เราทั้งสองเห็นโทษในโลกแล้วจึงบวช เป็น
ผู้สิ้นอาสวะ ฝึกตนแล้ว มีความเย็น ดับสนิทแล้ว.

จบ ภัททกาปิลานีเถรีคาถา
จบ จตุกกนิบาต

อรรถกถาจตุกกนิบาต


1. อรรถกถาภัททกาปิลานีเถรีคาถา


ในจตุกกนิบาต มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
คาถาว่า ปุตฺโต พุทฺธสฺส ทายาโท เป็นต้น เป็นคาถาของ
พระเถรีชื่อภัททกาปิลานี.
ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ พระ
เถรีนั้นเกิดในเรือนแห่งตระกูล ในพระนครหังสวดี รู้ความแล้ว ฟังธรรมใน
สำนักของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงตั้งภิกษุณีองค์หนึ่งไว้ในตำแหน่ง
เลิศของภิกษุณีผู้ระลึกชาติได้จึงการทำบุญญาธิการปรารถนาตำแหน่งนั้นแม้
เอง กระทำบุญตลอดชีวิต เคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้วท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลก
และมนุษยโลก เมื่อพระพุทธเจ้ายังมิได้เสด็จอุบัติขึ้น เกิดในเรือนตระกูล ใน
กรุงพาราณสี แล้วไปสู่ตระกูลสามี วันหนึ่งทะเลาะกับน้องสาวสามี เมื่อน้อง
สาวสามีถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า นางคิดว่าหญิงนี้ถวายทานแด่
พระปัจเจกพุทธเจ้านี้แล้ว จักได้สมบัติโอฬาร รับบาตรจากหัตถ์ของพระ-
ปัจเจกพุทธเจ้าเทภัตตาหารทิ้ง เอาเปือกตมใส่เต็มถวาย มหาชนติเตียนว่า
นางคนพาล พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านทำผิดอะไรเจ้าหรือ นางละอายเพราะคำ
ของคนเหล่านั้น รับบาตรมาอีก เอาเปือกตมออกล้างบาตรแล้วขัดถูด้วยผง
เครื่องหอม เอาของมีรสอร่อย 4 อย่างใส่เต็ม และวางบาตรที่สว่างด้วยเนยใส
ซึ่งมีสีเหมือนดอกบัว ที่ราดไว้ข้างบน ตั้งความปรารถนาว่า บิณฑบาตนี้มีแสง
สว่างฉันใด ขอร่างกายของเราจงมีแสงสว่างฉันนั้น นางเคลื่อนจากอัตภาพนั้น
แล้ว ท่องเที่ยวอยู่ในสุคติภูมิทั้งหลายเท่านั้น ในกาลแห่งพระกัสสปพุทธเจ้า