เมนู

3. มหากัปปินเถรคาถา



ว่าด้วยคาถาของพระมหากัปปินเถระ


[372] ผู้ใดพิจารณาเห็นแจ้งหรือแสวงหาประโยชน์ ย่อม
พิจารณาเห็นกิจทั้งสอง คือที่เป็นประโยชน์และไม่เป็น
ประโยชน์ อันยังไม่มาถึง ได้ก่อนอมิตรหรือศัตรูของผู้นั้น
ซึ่งคอยแสวงหาช่องอยู่ไม่ทันเห็น ผู้นั้นเรียกว่า ผู้มีปัญญา
ผู้ใดเจริญอานาปานสติให้บริบูรณ์ด้วยดีแล้ว อบรมแล้ว
โดยลำดับตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ผู้นั้นย่อมยัง
โลกนี้ให้สว่างไสวเหมือนพระจันทร์เพ็ญพ้นออกจากกลีบ
เมฆฉะนั้น จิตของเราผ่องใสแล้วหนอ อบรมดีแล้ว หา
ประมาณมิได้ เป็นจิตประคองไว้แล้วเป็นนิตย์ ย่อมยังทิศ
ทั้งปวงให้สว่างไสวบุคคลผู้มีปัญญาถึงจะสิ้นทรัพย์ ก็ยังมี
ชีวิตอยู่ได้เป็นแน่แท้ ส่วนบุคคลผู้ไม่มีปัญญาถึงจะมี
ทรัพย์ก็เป็นอยู่ไม่ได้ ปัญญาเป็นเครื่องตัดสินสิ่งที่ตนฟัง
มาแล้ว เป็นเครื่องเจริญชื่อเสียงและความสรรเสริญ.
นรชนในโลกนี้ ผู้ประกอบด้วยปัญญา แม้ในเวลาที่
ตนตกทุกข์ ก็ย่อมได้รับความสุข ธรรมนี้มิใช่มีในวันนี้
ไม่ใช่น่าอัศจรรย์ และไม่ใช่เคยมีมาแล้ว แต่ดูเหมือน
เป็นของที่ไม่เคยมีในโลก ซึ่งเป็นที่เกิดที่ตาย เมื่อสัตว์
เกิดมาแล้ว ก็มีความเป็นอยู่กับความตายแน่แท้ สัตว์ที่
เกิดมาแล้ว ๆ ในโลกนี้ ย่อมตายไปทั้งนั้น เพราะสัตว์