เมนู

2. เอกวิหาริยเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระเอกวิหาริยเถระ


[371] ถ้าไม่มีผู้อื่นอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังเรา ความสบาย
ใจอย่างยิ่งคงจะมีแก่เราผู้อยู่ในป่าผู้เดียว มิฉะนั้น เรา
ผู้เดียวจักไปสู่ป่าอันพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า ความ
ผาสุกย่อมมีแก่ภิกษุผู้อยู่แต่ผู้เดียว มีใจเด็ดเดี่ยว เรา
ผู้เดียวเป็นผู้ชำนาญในสิ่งที่เป็นประโยชน์ จักเข้าไปสู่ป่า
ใหญ่ อันทำให้เกิดปีติแก่พระโยคาวจร น่ารื่นรมย์ เป็น
ที่อยู่ของหมู่ช้างตกมัน โดยเร็วพลัน เราผู้เดียวจักอาบน้ำ
ในซอกเขาอันเยือกเย็น ในป่าอันเย็น มีดอกไม้บาน
สะพรั่ง จักจงกรมให้เป็นที่สำราญใจ เมื่อไรเราจึงจักได้
อยู่ในป่าใหญ่อันน่ารื่นรมย์แต่ผู้เดียว ไม่มีเพื่อนสอง จัก
เป็นผู้ทำกิจสำเร็จ หาอาสวะมิได้ ขอความประสงค์ของ
เราผู้ปรารถนาจะทำอย่างนี้จงสำเร็จเถิด เราจักยังความ
ประสงค์ของเราให้สำเร็จจงได้ ผู้อื่นไม่อาจทำผู้อื่นให้
สำเร็จได้เลย.
เราจักผูกเกราะคือความเพียร จักเข้าไปสู่ป่าใหญ่
เรายังไม่บรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้ว จักไม่ออกไปจาก
ป่านั้น เมื่อลมพัดเย็นมา กลิ่นดอกไม้ก็หอมฟุ้งมา เรา
จักนุ่งอยู่บนยอดเขาทำลายอวิชชา เราจักได้รับความสุข
รื่นรมย์อยู่ด้วยวิมุตติสุข ในถ้ำที่เงื้อมเขาซึ่งดารดาษไป

ด้วยดอกโกสุม มีภาคพื้นเยือกเย็น อันมีอยู่ในป่าใหญ่
เป็นแน่ เรามีความดำริอันเต็มเปี่ยม เหมือนพระจันทร์
ในวันเพ็ญ เป็นผู้สิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว บัดนี้ ภพใหม่
มิได้มี.

จบเอกวิหาริยเถรคาถา

อรรถกถาเอกวิหาริยเถรคาถาที่ 2



คาถาของท่านพระเอกวิหาริยเถระ เริ่มต้นว่า ปุรโต ปจฺฉโต วาปิ
ดังนี้. เรื่องนั้นมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระเอกวิหาริยะแม้นี้ เป็นผู้มีอธิการได้บำเพ็ญมาแล้ว ในพระ-
พุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ในภพนั้นๆ ได้สั่งสมบุญเป็นอันมากไว้ ในกาล
แห่งพระทศพลทรงพระนามว่า กัสสปะ บังเกิดในเรือนมีสกุล ถึงความรู้
เดียงสาแล้ว ได้ฟังธรรมในสำนักพระศาสดาแล้ว ได้มีความเลื่อมใส
บรรพชาแล้วเข้าไปสู่ป่า อยู่แบบสงบสงัด.
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจึงท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก
ตลอดพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
ปรินิพพานแล้ว ได้บังเกิดเป็นพระกนิษฐภาดา ของพระเจ้าธรรมา-
โศกราช.
ได้ยินว่า ในปีที่ 218 นับแต่พระศาสดาได้ปรินิพพานมา พระ-
เจ้าอโศกมหาราช ทรงได้รับการอภิเษกเป็นเอกราชในชมพูทวีปทั้งสิ้น
แล้ว ทรงสถาปนาติสสกุมารผู้พระกนิษฐภาดาของพระองค์ ไว้ในตำแหน่ง