เมนู

3. มหาปันถกเถรคาถา



ว่าด้วยคาถาของพระมหาปันถกเถระ


[368] เมื่อใด เราได้เห็นพระศาสดาผู้ปลอดภัยเป็นครั้งแรก
เมื่อนั้นความสลดใจได้เกิดมีแก่เรา เพราะได้เห็นพระ-
ศาสดาผู้อุดมบุรุษ ผู้ใดนอบน้อมพระศาสดาผู้ทรงสิริ ที่
พระบาทด้วยมือทั้งสอง ผู้นั้นพึงทำพระศาสดาให้ทรงยินดี
โปรดปราน ครั้งนั้นเราได้ละทิ้งบุตร ภรรยา ทรัพย์
และธัญญาหาร ปลงผมและหนวดออกบวชเป็นบรรพชิต
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสิกขาสาชีพ สำรวมดีแล้วในอินทรีย์
ทั้งหลาย ถวายบังคมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ไม่
พ่ายแพ้ต่อมาร ครั้งนั้น ความตั้งใจปรารถนาสำเร็จแก่เรา
เราไม่ได้นั่งอยู่เปล่าแม้เพียงครู่เดียว ในเมื่อยังถอนลูกศร
คือตัณหาขึ้นไม่ได้ ขอจงดูความเพียร ความบากบั่น
ของเราผู้อยู่ด้วยความตั้งใจอย่างนั้น เราได้บรรลุวิชชา 3
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว เราระลึก
ชาติก่อน ๆ ได้ ได้ชำระทิพยจักษุหมดจดแล้ว เป็น
พระอรหันต์ ผู้ควรแก่ทักษิณา หลุดพ้นแล้ว ไม่มีอุปธิ
ต่อเมื่อราตรีสิ้นไปแล้ว พระอาทิตย์อุทัยขึ้นมา เราทำ
ตัณหาทั้งปวงให้เหือดแห้งไป จึงเข้าไปสู่ภายในกุฎีโดย
บัลลังก์.

จบมหาปันถกเถรคาถา

พระเถระ 3 องค์ ได้กล่าวคาถาไว้ในอัฏฐกนิบาตองค์ละ 8 คาถา
รวมเป็น 24 คาถา คือ 1.พระมหากัจจายนเถระ 2.พระสิริมิตตเถระ
3.พระมหาปันถกเถระ.

จบอัฏฐกนิบาต

อรรถกถามหาปันถกเถรคาถาที่ 3



มีคาถา ของท่านพระมหาปันถกเถระว่า ยทา ปฐมมทฺทกฺขึ
ดังนี้เป็นต้น. เรื่องนั้นมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร.
ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ
ท่านมหาปันถกนี้ เป็นกุฎุมพี สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ ในหังสวดีนคร
วันหนึ่งกำลังฟังธรรมในสำนักพระศาสดา เห็นพระศาสดากำลังตั้งภิกษุ
รูปหนึ่ง ไว้ในตำแหน่งเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ฉลาดในการเปลี่ยน
แปลงทางสัญญา แม้ตนเองก็ปรารถนาตำแหน่งนั้น จึงบำเพ็ญมหาทาน
ให้เป็นไปตลอด 7 วัน แก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานแล้ว ตั้ง
ความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในที่สุด 7 วันแต่วันนี้ไป
พระองค์ทรงแต่งตั้งภิกษุใดไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า ภิกษุนี้เป็นผู้เลิศ
กว่าภิกษุทั้งหลายผู้ฉลาดในการเปลี่ยนแปลงทางสัญญา ในศาสนาของเรา
ดังนี้ ขอด้วยพลังแห่งกุศลกรรมที่สั่งสมไว้นี้ แม้ข้าพระองค์ก็พึงเป็น
ผู้เลิศในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาล เหมือน
ภิกษุนั้นเถิด.
ฝ่ายน้องชายของท่านกุฎุมพีนั้น บำเพ็ญกุศลกรรมสั่งสมไว้ใน
พระผู้มีพระภาคเจ้าเหมือนอย่างนั้นนั่นแหละ แล้วตั้งปณิธานไว้ โดยนัย