เมนู

4. โสปากเถรคาถา



ว่าด้วยคาถาของพระโสปากเถระ


[364] เราได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้สูงกว่านรชน เป็นบุรุษอุดม
เสด็จจงกรมอยู่ที่ร่มเงาแห่งพระคันธกุฎี จึงเข้าไปเฝ้า
ถวายบังคม ณ ที่นั้น เราห่มจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนม
มือเดินจงกรมตามพระองค์ผู้ปราศจากกิเลสธุลี ผู้สูงสุด
กว่าสัตว์ทั้งปวง ลำดับนั้น พระองค์ได้ตรัสถามปัญหาเรา
เราเป็นผู้ฉลาดรอบรู้ปัญหาทั้งหลาย เป็นผู้ไม่มีความ
หวาดหวั่นและไม่กลัว ได้พยากรณ์แด่พระศาสดา เมื่อ
เราวิสัชนาปัญหาแล้ว พระตถาคตทรงอนุโมทนา ทรง
ตรวจดูหมู่ภิกษุแล้ว ได้ตรัสเนื้อความนี้ว่า โสปากภิกษุนี้
บริโภคจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย ของ
ชาวอังคะและมคธะเหล่าใด เป็นลาภของชาวอังคะและ
มคธะเหล่านั้น อนึ่ง ได้ตรัสว่าเป็นลาภของชาวอังคะและ
ชาวมคธะ ที่ได้ต้อนรับและทำสามีจิกรรมแก่โสปากภิกษุ
ดูก่อนโสปากะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้เธอเข้ามาหา
เราได้ ดูก่อนโสปากะ การวิสัชนาปัญหานี้จงเป็นการ
อุปสมบทของเธอ เรามีอายุได้ 7 ปีแต่เกิดมา ก็ได้
อุปสมบท ทรงร่างกายอันมีในชาติสุดท้ายไว้. น่าอัศจรรย์
ความที่ธรรมเป็นธรรมดี.

จบโสปากเถรคาถา

อรรถกถาโสปากเถรคาถาที่ 4



คาถาของท่านพระโสปากเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ทิสฺวา ปาสาท-
ฉายายํ
ดังนี้. เรื่องนี้มีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าปางก่อน
ทั้งหลาย สั่งสมบุญทั้งหลายไว้ในภพนั้น ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนามว่า สิทธัตถะ บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ รู้เดียงสาแล้ว ถึงความ
สำเร็จในวิชาและศิลปะทั้งหลายของพวกพราหมณ์ เห็นโทษในกาม จึง
ละการครองเรือนบวชเป็นดาบสอยู่ ณ ภูเขาลูกหนึ่ง.
พระศาสดาทรงทรามว่าดาบสนั้นใกล้จะมรณะ จึงได้เสด็จเข้าไปยัง
สำนักของท่าน. ดาบสนั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วมีจิตเลื่อมใส เมื่อ
จะประกาศความปีติและปราโมทย์อันยิ่งใหญ่ จึงได้ตกแต่งอาสนะดอกไม้
ถวาย. พระศาสดาประทับนั่งบนอาสนะนั้นแล้ว ตรัสธรรมีกถาอันสัมปยุต
ด้วยอนิจจตา เมื่อพระดาบสนั้นเห็นอยู่นั่นแล ได้เสด็จไปทางอากาศ.
ดาบสนั้นละการยึดถือว่าเที่ยงที่ตนเคยถือในกาลก่อน แล้วตั้งอนิจจสัญญา
ไว้ในหทัย กระทำกาละแล้วได้เกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่
ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในโสปาก-
กำเนิด1 ในเมืองราชคฤห์. ปรากฏโดยชื่ออันมีมาโดยกำเนิดว่า โสปากะ.
ส่วนอาจารย์บางพวกกล่าวว่า ท่านเกิดในตระกูลพ่อค้า ส่วนคำว่าโสปากะ
เป็นแต่เพียงชื่อ. คำนั้นผิดจากบาลีในอุทาน เพราะกล่าวไว้ว่า เมื่อถึง
ภพสุดท้าย เราเกิดในกำเนิดโสปากะ ดังนี้. เมื่อเขาเกิดได้ 4 เดือน
บิดาก็ตาย อาจึงเลี้ยงไว้. ท่านเกิดได้ 7 ปีโดยลำดับ วันหนึ่ง อา

1. ผู้เกิดและเติบโตในป่าช้า.