พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย เถรคาถา
เล่มที่ 2 ภาคที่ 3
ตอนที่ 3
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เถรคาถา จตุกกนิบาต
1. นาคสมาลเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระนาคสมาลเถระ
[323] เราเดินเข้าไปในบิณฑบาตในพระนคร ได้เห็นหญิง
ฟ้อนรำคนหนึ่ง ตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องอาภรณ์ นุ่งห่ม
ผ้าสวยงาม ทัดทรงดอกไม้ ลูบไล้ด้วยกระแจะจันทน์
ฟ้อนรำอยู่ในวงดนตรีที่ถนนหลวง ท่ามกลางพระนคร
เป็นดุจบ่วงแห่งมัจจุราชอันธรรมชาติมาดักไว้ เพราะ-
ฉะนั้น การกระทำไว้ในใจโดยอุบายอันแยบคาย จึง
บังเกิดขึ้นแก่เรา อาทีนวโทษปรากฏแก่เรา ความเบื่อหน่าย
ก็ตั้งลงมั่น ลำดับนั้นจิตของเราก็หลุดพ้นจากสรรพกิเลส
ขอท่านจงดูความที่แห่งธรรมเป็นธรรมอันดีเลิศ เราได้
บรรลุวิชชา 3 แล้ว ได้ทำกิจพระพุทธศาสนาเสร็จแล้ว.
จบนาคสมาลเถรคาถา
อรรถกถา จตุกกนิบาต
อรรถกถานาคสมาลเถรคาถาที่ 1
บทว่า อลงฺกตา ได้แก่ คาถาของ ท่านพระนาคสมาลเถระ เรื่อง
นั้นมีเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตระ ท่านพระ-
นาคสมาลเถระนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูล ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา ใน
คิมหสมัย ได้เห็นพระศาสดาเสด็จดำเนินบนภาคพื้นอันร้อนระอุไปด้วย
แสงพระอาทิตย์ จึงได้ถวายร่ม.
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในสักยราชตระกูล ได้นามว่า นาคสมาละ
เจริญวัยแล้วได้ศรัทธาบวชในสมาคมแห่งพระญาติ ได้เป็นผู้อุปัฏฐากพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า ตลอดกาลเล็กน้อย. วันหนึ่งท่านเข้าไปบิณฑบาตยังพระนคร
เห็นหญิงนักฟ้อนคนหนึ่ง ประดับตกแต่งแล้วฟ้อนอยู่ ในเมื่อดนตรีกำลัง
ประโคมอยู่ในหนทางใหญ่ เริ่มตั้งความสิ้นไปและความเสื่อมไปว่า วาโย-
ธาตุอันกระทำให้วิจิตรนี้ ย่อมเปลี่ยนแปรกรัชกายไปโดยประการนั้น ๆ
ด้วยอำนาจความแผ่ไป น่าอัศจรรย์สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ดังนี้แล้ว ได้
บำเพ็ญขวนขวายวิปัสสนาบรรลุพระอรหัต ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้
ในอปทาน1ว่า
แผ่นดินร้อนดังเพลิง แผ่นดินดุจมีเถ้ารึงไหล พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตระ เสด็จจงกรมอยู่
1. ขุ. อ. 33/ข้อ 47.