เมนู

14.โคตมเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระโคตมเถระ


[320] ได้ยินว่า พระโคตมเถระได้ภาษิตคาถาม ไว้ อย่างนี้ว่า
อาตมาภาพเมื่อท่องเที่ยวไปมา ได้ไปสู่นรกบ้าง
เปรตโลกบ้าง ชาติแล้วชาติเล่า แม้ในกำเนิดเดียรฉาน
ที่สุดแสนจะทนได้ อาตมาภาพก็อยู่มานานมากมาย
หลายประการ และภพของมนุษย์ อาตมาภาพก็ได้
ผ่านมามากแล้ว และได้ไปสวรรค์เป็นครั้งเป็นคราว
อาตมาภาพดำรงอยู่ในรูปภพบ้าง อรูปภพบ้าง อสัญ-
ญีภพบ้าง เนวสัญญีนาสัญญีภพบ้าง ภพทั้งหลาย
อาตมาภาพรู้ชัดแล้ว ว่าไม่มีแก่นสาร อันปัจจัยปรุง
แต่งขึ้น เป็นของแปรปรวน กลับกลอก ถึงความ
แตกหัก ทำลายไปทุกเมื่อ ครั้นรู้แจ้งภพนั้น อันเป็น
ของเกิดในตนแล้ว อาตมาภาพจึงเป็นผู้มีสติ บรรลุ
สันติธรรมแล้ว.

อรรถกถาโคตมเถรคาถา


คาถาของท่านพระโคตมเถระ มีคำเรีมต้นว่า สํสรํ. มีเรื่องเกิดขึ้น
อย่างไร ?
ได้ทราบว่า ท่านพระโคตมเถระ นี้ มีบุญญาธิการได้ทำไว้แล้ว
ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ทำบุญในภพนั้น ๆ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนามว่า สิขี ปรินิพพานแล้ว ครั้นเทวดาและคนทั้งหลายพากันบูชาเชิง
ตะกอน ก็ได้บูชาเชิงตะกอนด้วยดอกจำปา 8 ดอก
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปมา ในเทวโลกและมนุษยโลก
มาในพุทธุปบาทกาลนี้ ถือกำเนิดในตระกูลศากยราชมีพระนามที่ได้กำหนดไว้
โดยเฉพาะแล้ว ด้วยสามารถแห่งพระโคตรว่า โคตมะนั่นเอง ทรงเจริญวัยแล้ว
ในคราวชุมนุมพระญาติของพระศาสดา ได้ศรัทธาผนวชแล้ว บำเพ็ญวิปัสสนา
กรรมฐาน ได้เป็นพระอริยบุคคล ผู้มีอภิญญา 6. ด้วยเหตุนั้น ในอปทาน
ท่านจึงได้กล่าวไว้ว่า
เมื่อประชาชนพากันถวายพระเพลิงพระพุทธ-
สรีระ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า สุขี ผู้ทรง
เป็นเผ่าพันธุ์ของชาวโลก ข้าพเจ้าได้โปรยดอกจำปา
8 ดอกบูชาเชิงตะกอน ในกัปที่ 3 นับถอยหลัง
แต่กัปนี้ไป เพราะเหตุที่ข้าพเจ้า ได้โปรยดอกไม้บูชา
จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาเชิงตะกอน.
กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าเผาแล้ว ฯ ล ฯ คำสั่งสอนของ
พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว.