เมนู

บทว่า กปฺปากปฺเปสุ ความว่า เป็นผู้ฉลาด ในสิ่งที่ควรและไม่
ควร คือเป็นผู้ฉลาดละเมียดละไม (ในสิ่งเหล่านั้น) ด้วยอำนาจพระสูตร และ
ด้วยอำนาจอนุโลมตามพระสูตร.
บทว่า อปุรกฺขโต ได้แก่ ไม่ควรเป็นผู้ออกหน้าออกตา คือไม่
มุ่งหวังการเป็นหัวหน้าจากที่ไหนด้วยตัณหาเป็นต้นอยู่.
จบอรรถกถาอุบาลีเถรคาถา

12. อุตตรปาลเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระอุตตรปาลเถระ


[318] ได้ยินว่า พระอุตตรปาลเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
เบญกามคุณ ทำเราผู้เป็นบัณฑิต สามารถ
คิดค้นประโยชน์ได้ให้ลุ่มหลงหนอ ให้เราตกอยู่ใน
โลก เราได้แล่นไปในวิสัยของมาร ถูกลูกศรปักอยู่
อย่างเหนียวแน่น แต่ก็สามารถเปลื้องตนออกจาก
บ่วงมัจจุราชได้ กามทั้งหมดเราละได้แล้ว ภพทั้ง-
หลายเราทำลายได้หมดแล้ว การเวียนเกิด (ชาติสง-
สาร) สิ้นสุดลงแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.

อรรถกถาอุตตรปาลเถรคาถา


คาถาของท่านพระอุตตปาลเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปณฺฑิตํ วต มํ
สนฺตํ
ดังนี้. มีเรื่องเกิดขึ้นอย่างไร ?
แม้ท่านพระอุตตรปาลเถระ นี้ ก็มีบุญญาธิการได้ทำไว้แล้ว ใน
พระพุทธเจ้า องค์ก่อน ๆ เมื่อสั่งสมบุญไว้ในภพนั้น ๆ ได้ให้สร้างสะพาน
ไว้ ที่ทางเสด็จพุทธดำเนิน ของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปมาในเทวโลกและมนุษยโลก
มาในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในเนืองพาราณสี มีชื่อว่า
อุตตรปาละ เติบโตแล้ว ได้เห็นยมกปาฏิหาริย์ ได้ศรัทธาบวชแล้ว
บำเพ็ญสมณธรรม. อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อท่านระลึกถึงภูตารมณ์เนือง ๆ ด้วย
สามารถกระทำไว้ในใจ โดยไม่แยบคาย กามราคะก็เกิดขึ้น. ทันใดนั้น ท่าน
ข่มจิตของตนไว้ได้ เหมือนคนจับโจรพร้อมกับของกลางไว้ได้ เกิดความสลด
ใจขึ้น ข่มกิเลสไว้ ด้วยการมนสิการถึงธรรม ที่เป็นปฏิปักษ์ ต่อกิเลสนั้น
แล้ว บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน ให้ภาวนาก้าวหน้าขึ้นไป บรรลุพระอรหัต-
ผล. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า วิปัสสี
เสด็จจงกรมอยู่ต่อหน้า ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส ดีใจ
ได้สร้างสะพานถวาย ในกัปที่ 91 นับถอยหลังไปแต่-
กัปนี้ เพราะเหตุที่ข้าพเจ้าได้สร้างสะพานควาย จึงไม่
รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายสะพาน. กิเลส
ทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้เผาแล้ว ฯ ล ฯ คำสั่งสอนของ
พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติแล้ว.