เมนู

ก็คงมีแก่ภิกษุ 2 รูป ฉันนั้น. เพราะฉะนั้น ภิกษุท่านกล่าวว่า เป็นผู้เสมอ
เหมือนเทวดา โดยการอยู่มีเพื่อนสอง.
บทว่า ยถา คาโม ตถา ตโย ความว่า ในบาลีแห่งนี้เท่านั้น
การอยู่ร่วมกันของภิกษุ 3 รูป เป็นเสมือนการอยู่ของชาวบ้าน อธิบายว่า
ไม่ใช่การอยู่อย่างวิเวก.
บทว่า โกลาหลํ ตรุตฺรึ ความว่า การอยู่ร่วมกันเกิน 3 คน
หรือมากกว่านั้น เป็นความโกลาหล อธิบายว่า เป็นเสมือนการชุมนุมของคน
จำนวนมาก ที่มีเสียงอึกทึกครึกโครม เพราะฉะนั้น ภิกษุควรจะเป็นผู้อยู่
คนเดียวเป็นปกติ.
จบอรรถกถายโสชเถรคาถา

10. สาฏิมัตติกเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระสาฏิมัตติกเถระ


[316] ได้ยินว่า พระสาฏิมัตติกเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
เมื่อก่อนโยมทั้งหลายได้มีศรัทธา แต่วันนี้ศรัทธา
นั้นของโยมไม่มี สิ่งใดเป็นของโยม สิ่งนั้นก็เป็นของ
โยมนั่นแหละ ทุจริตของอาตมาไม่มี เพราะศรัทธา
ไม่เที่ยงแท้ กลับกลอก ศรัทธานั้นอาตมาเคยเห็นมา
แล้ว คนทั้งหลายประเดี๋ยวรัก ประเดี๋ยวหน่าย ผู้เป็น
มุนีจะเอาชนะได้อย่างไร ? ในเพราะความรักความ-
หน่ายของเขานั้น บุคคลย่อมหุงหาอาหารไว้ เพื่อมุนี
ทุก ๆ สกุล สกุลละเล็กละน้อย อาตมาจักเที่ยว
บิณฑบาต เพราะกำลังแข้งของอาตมายังมีอยู่.

อรรถกถาสาฏิมัตติกเถรคาถา


คาถาของท่านพระสาฏิมัตติกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อหุ ตุยฺหํ ปุเร
สทฺธา.
มีเรื่องเกิดขึ้นอย่างไร ?
แม้ท่านสาฏิมัตติกเถระ ได้มีบุญญาธิการที่ได้ทำไว้ ในพระพุทธเจ้า
องค์ก่อน ๆ เมื่อสั่งสมบุญในภพนั้น ๆ ได้ไปเกิดในสกุลพราหมณ์ ในแคว้น
มคธ
ในพุทธุปบาทกาลนี้ มีชื่อว่า สาฏิมัตติกะ เจริญวัยแล้ว ได้บวชใน
สำนักของพระวัดป่า เพราะเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยเหตุ บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน
ได้เป็นพระอริยบุคคลผู้มีอภิญญา 6. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงได้กล่าวไว้ใน
อปทานว่า
ข้าพเจ้าได้ถวายพัดใบตาล แด่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ทรงพระนามว่า สิทธัตถะ กั้นเครื่องกั้นที่
คลุมด้วยดอกมะลิที่มีค่ามาก ในกัปที่ 94 แต่ภัทร
กัปนี้ ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติเลย เพราะเหตุที่ได้ถวาย
พัดใบตาล นี้คือผลของการถวายพัดใบตาล. กิเลส
ทั้งหลายข้าพเจ้าได้เผาแล้ว ฯ ล ฯ คำสั่งสอนของ
พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติแล้ว.

อนึ่ง ท่านครั้นเป็นพระอริยบุคคล ผู้มีอภิญญา 6 แล้ว จึงกล่าว
ตักเตือนภิกษุทั้งหลาย และให้สัตว์จำนวนมาก ดำรงอยู่ในสรณะและศีล โดย
กล่าวธรรมกถา ทั้งได้ทำตระกูลอื่นที่ไม่มีศรัทธาให้มีศรัทธา ที่ไม่เลื่อมใสให้
เลื่อมใส เพราะเหตุนั้น คนทั้งหลายในตระกูลนั้น จึงได้เลื่อมใสในพระเถระ