เมนู

2. ธรรมปาลเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระธรรมปาลเถระ


[299] ได้ยินว่า พระธรรมปาลเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ภิกษุหนุ่มรูปใดแล เพียรพยายามอยู่ในพระพุทธ-
ศาสนา ก็เมื่อสัตว์ทั้งหลายนอกนี้ พากันหลับแล้ว
ภิกษุหนุ่มนั้นตื่นอยู่ ชีวิตของเธอไม่ไร้ประโยชน์
เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา ระลึกถึงคำสอนของ
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบศรัทธา ศีล ความ
เลื่อมใส และการเห็นธรรมเนือง ๆ เถิด.


อรรถกถาธรรมปาลเถรคาถา


คาถาของท่านพระธรรมปาลเถระ เริ่มต้นว่า โย หเว ทหโร ภิกฺขุ.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์-
ก่อน ๆ สั่งสมบุญไว้ในภพนั้น ๆ บังเกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกาลของพระผู้มี
พระภาคเจ้า พระนามว่า อัตถทัสสี บรรลุนิติภาวะแล้ว เข้าไปสู่ป่าลึก
ด้วยกรณียกิจบางอย่าง เห็นพระศาสดาแล้ว มีใจเลื่อมใส ได้ถวายผลไม้
ปิลักขะ (ผลดีปลี).

ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อ
พระศาสดาในพุทธุปบาทกาลนี้ เสด็จปรินิพพานแล้ว บังเกิดในตระกูลพราหมณ์
แคว้นอวันตี ได้นามว่า ธรรมปาละ เจริญวัยแล้ว ไปสู่เมืองตักกศิลา เรียน
ศิลปศาสตร์แล้ว เมื่อเวลากลับพบพระเถระรูปหนึ่งในวิหารแห่งหนึ่ง ฟังธรรม
ในสำนักของพระเถระแล้ว ได้มีจิตศรัทธาบวชแล้ว เจริญวิปัสสนาได้เป็นผู้มี
อภิญญา 6. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
เราได้เห็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า อัตถทัสสี
มียศใหญ่ ในระหว่างป่า เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส
ได้ถวายผลปิลักขะ (ผลดีปลี) ในกัปที่ 1,800 แต่
ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น
เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้. เรา
เผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า
เรากระทำสำเร็จแล้ว
ดังนี้.
ก็พระเถระเป็นผู้มีอภิญญา 6 แล้ว ยังเวลาให้ล่วงไปด้วยความสุข
อันเกิดแต่สมาบัติ วันหนึ่ง เห็นสามเณร 2 รูปในวิหารนั้น ขึ้นเก็บดอกไม้
อยู่บนยอดไม้ เมื่อกิ่งที่ยืนงอกออกไปหักแล้วก็ตกลงมา จึงยื่นมือออกไปรับ
ด้วยอานุภาพแห่งฤทธิ์ ให้สามเณรทั้งสอง ยืนอยู่บนพื้นดินได้โดยปลอดภัย
เมื่อจะแสดงธรรมแก่สามเณรเหล่านั้น ได้กล่าวคาถา 2 คาถานี้ ความว่า
ภิกษุหนุ่มรูปใดแลเพียรพยายามอยู่ในพระพุทธ-
ศาสนา ก็เมื่อสัตว์ทั้งหลายนอกนี้พากันหลับแล้ว
ภิกษุหนุ่มนั้นตื่นอยู่ ชีวิตของเธอไม่ไร้ประโยชน์เพราะ

ฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา ระลึกถึงคำสอนของพระ-
พุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบศรัทธา ศีล ความ
เลื่อมใส และการเห็นธรรมเนือง ๆ เถิด
ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โย เป็นคำแสดงความไม่แน่นอน.
บทว่า หเว เป็นนิบาต ลงในอรรถว่ามั่นคง.
บทว่า ทหโร แปลว่า หนุ่ม. ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า ย่อมขอ.
บทว่า ยุญฺชติ ความว่า ย่อมพากเพียรพยายาม.
บทว่า ชาคโร ได้แก่ ประกอบไปด้วยธรรมของภิกษุผู้ตื่น.
บทว่า สุตฺเตสุ ความว่า เมื่อสัตว์ทั้งหลายนอนหลับอยู่. ท่านกล่าว
อธิบายไว้ว่า ภิกษุใดยังหนุ่มอยู่ คืออายุยังน้อย ไม่คิดว่า เราจักบำเพ็ญ-
สมณธรรมอย่างนั้น ในภายหลัง เพียรพยายามปฏิบัติ ด้วยความไม่ประมาท
กระทำความเพียร ในสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา ในศาสนาของพระพุทธ-
เจ้าทั้งหลาย เมื่อสัตว์ทั้งหลายนอกนี้หลับแล้ว คือหลับด้วยความหลับคืออวิชชา
ได้แก่ ประมาทแล้ว ภิกษุนั้นตื่นอยู่ ด้วยการประกอบธรรมของผู้ตื่นอยู่
มีศรัทธาเป็นต้น ชีวิตของเธอไม่ไร้ประโยชน์คือไม่เป็นหมัน เพราะบริบูรณ์
ด้วยประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านนั้นแล ก็เพราะเหตุที่ชีวิตนี้ เป็นอย่างนี้
ฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา คือภิกษุผู้ประกอบด้วยปัญญามีโอชาอันเกิดแต่ธรรม
ระลึกถึงคำสอน คือพระโอวาท ได้แก่พระอนุสาสนีของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
มองเห็นศีรษะของตนว่า อันไฟติดทั่วแล้ว พึงประกอบตาม ซึ่งศรัทธา และ
ความเชื่อ เชื่อกรรมและผลแห่งกรรม อันเป็นไปแล้วโดยนัยมีอาทิว่า กรรม
มีอยู่ ผลแห่งกรรมมีอยู่ ดังนี้ ซึ่งจตุปาริสุทธิศีลอันเข้าไปอาศัยซึ่งศรัทธานั้น

เพราะความที่แห่งศีลเข้าไปผูกพันกับศรัทธา และซึ่งความเลื่อมใสในพระรัตน-
ตรัย อันเป็นไปแล้วอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว พระสงฆ์ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดังนี้
และซึ่งการเห็นจตุราริยสัจจธรรม ด้วยสามารถแห่งการกำหนดรู้ด้วยมรรค
ปัญญา อันประกอบด้วยวิปัสสนาปัญญาเป็นต้น อธิบายว่า พึงกระทำความ
ขวนขวาย คือความเพียรในธรรมมีศรัทธาเป็นต้นนั้น.
จบอรรถกถาธรรมปาลเถรคาถา

3. พรหมาลิเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระพรหมาลิเถระ


[300] ได้ยินว่า พระพรหมาลิเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
อินทรีย์ของใครถึงความสงบแล้ว เหมือนม้าอัน
นายสารถีฝึกดีแล้ว แม้เทวดาทั้งหลาย ย่อมรักใคร่
ต่อผู้นั้น ผู้มีมานะอันละแล้ว ไม่มีอาสวะ ผู้คงที่
อินทรีย์ทั้งหลายของเราก็ถึงความสงบแล้ว เหมือนม้า
อันนายสารถีฝึกดีแล้ว แม้เทวดาทั้งหลายก็พากันรัก
ใคร่ต่อเรา ผู้มีมานะอันละแล้ว ไม่มีอาสวะ ผู้คงที่.