เมนู

มาถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เป็นเขตแห่งบุญ
ผู้แกล้วกล้า ด้วยมือทั้งสองของตน ในกัปที่ 31 แต่
ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยการ
ถวายผลไม้นั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการ
ถวายผลไม้. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯ ล ฯ คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว
ดังนี้.
ก็พระเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว กล่าวทบทวนคาถาทั้งสองนั่นแล
คือ (คาถาที่ 1) อันพระศาสดาตรัสแล้ว (และคาถาที่ 2) อันตนกล่าวแล้ว
โดยนัยมีอาทิว่า หตฺถิกฺขนธาวปติตํ ดังนี้. ด้วยการกล่าวซ้ำคาถานั้นเป็นอัน
พระเถระพยากรณ์พระอรหัตผลนี้แล้วทีเดียว.
จบอรรถกถาโสณโปฏิริยปุตตเถรคาถา

8. นิสภเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระนิสภเถระ


[295] ได้ยินว่า พระนิสภเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
วิญญูชน ละเบญจกามคุณอันน่ารัก น่ารื่นรมย์
ใจแล้ว ออกบวชด้วยศรัทธา แล้วพึงทำที่สุดแห่งทุกข์
ได้.
เราไม่อยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ และเรามีสติ
มีสัมปชัญญะ รอเวลาอันควรเท่านั้น.

อรรถกถานิสภเถรคาถา


คาถาของท่านพระนิสภเถระ เริ่มต้นว่า ปญฺจ กามคุเณ หิตฺวา.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้ว ในพระพุทธะจ้าองค์
ก่อน ๆ สั่งสมบุญทั้งหลายไว้ในภพนั้น ๆ เกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกาล
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า วิปัสสี บรรลุนิติภาวะแล้ว วันหนึ่ง
เห็นพระศาสดาเสด็จเที่ยวบิณฑบาต มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายผลมะขวิด.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปแต่ในสุคติภพอย่างเดียว เกิดใน
เรือนแห่งตระกูลในโกลิยชนบท ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้นามว่า นิสภะ
เจริญวัยแล้ว เห็นพุทธานุภาพในสงคราม ของเจ้าศากยะ และเจ้าโกลิยะ
ทั้งหลาย แล้วได้ศรัทธาจิต บวชแล้ว บรรลุพระอรหัตในวันนั้นเอง. สมดัง
คาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
เราได้ถวายผลมะขวิด แด่พระสัมพุทธเจ้า ผู้มี
พระฉวีวรรณปานดังทองคำ สมควรรับเครื่องบูชา
กำลังเสด็จดำเนินอยู่ในถนน ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้
เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยการถวายผลไม้นั้น
เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้. เรา
เผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า
เรากระทำสำเร็จแล้ว
ดังนี้.
ก็พระเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว เห็นภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสหายของตน
ยังกาลเวลาให้ล่วงไป ด้วยการอยู่อย่างประมาท เมื่อจะโอวาทภิกษุเหล่านั้น
ได้กล่าวคาถาที่ 1 ความว่า