เมนู

ความหวาดเสียว ความขนลุกขนพอง ย่อมไม่มีแก่เราผู้มีสติ ได้แก่ ความ
กลัวที่หมายรู้กันว่า ความสะดุ้งแห่งจิตก็ดี ความหวาดเสียวแห่งร่างกาย อัน
มีความกลัวนั้นเป็นนิมิตก็ดี ความเป็นผู้มีขนพองสยองเกล้าก็ดี ย่อมไม่มี
(แก่เรา). เพราะเหตุไร ? เพราะ พระเถระกล่าวเหตุในข้อนั้นไว้ว่า ธมฺมตา
มเมสา
(นี้เป็นธรรมดาของเรา).
แท้จริง พระเถระพยากรณ์พระอรหัตผลว่า อันภัยเป็นต้น พึงมี
แก่บุคคลผู้ไม่ได้กำหนดรู้วัตถุ เพราะยังละฉันทราคะในวัตถุนั้นไม่ได้ แต่
ภัยในวัตถุนั้น เรากำหนดรู้แล้วโดยประการทั้งปวง ทั้งฉันทราคะในวัตถุนั้น
เราก็ตัดขาดแล้ว เพราะฉะนั้น ภัยเป็นต้นจึงไม่มี นี้เป็นธรรมดาของเรา คือ
ข้อนี้ เป็นสภาพแห่งธรรมของเรา.
จบอรรถกถาสัมพุลกัจจยนเถรคาถา

6. ขิตกเถรคาถา


ว่าด้วยคาถาของพระขิตกเถระ


[293] ได้ยินว่า พระขิตกเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
จิตของใครตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวดังภูเขา ไม่กำ-
หนัดแล้วในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่
ขัดเคืองในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง ผู้ใด
อบรมจิตได้อย่างนี้ ทุกข์จักมาถึงผู้นั้น แต่ที่ไหน จิต
ของเราตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ดังภูเขา จิตของเราไม่
กำหนัดแล้ว ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่ขัดเคืองในอารมณ์ เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง เรา
อบรมจิตได้แล้วอย่างนี้ ทุกข์จักมาถึงเราแต่ที่ไหน ๆ.

อรรถกถาขิตกเถรคาถา


คาถาของท่านพระขิตกเถระ เริ่มต้นว่า กสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์-
ก่อน ๆ กระทำบุญไว้ในภพนั้น ๆ เป็นคนเฝ้าสวน ดำเนินชีวิตอยู่ในพันธุมดี
นคร ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี วันหนึ่งเห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จไปทางอากาศ มีใจโสมนัส ได้เป็นผู้มีความประสงค์
จะถวายขนุนสำมะลอ พระศาสดาเมื่อจะทรงอนุเคราะห์เขา ประทับยืนอยู่ใน
อากาศนั่นแหละ รับประเคนแล้ว. เขาถวายขนุนสำมะลอนั้นแล้ว เสวยปีติ
โสมนัสอย่างโอฬาร.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเกิดใน
ตระกูลพราหมณ์ แคว้นโกศล ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้นามว่า ขิตกะ
บรรลุนิติภาวะแล้ว ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้เป็นผู้มีจิตศรัทธา
บวชแล้ว เรียนกรรมฐานแล้วอยู่ในป่า เพียรพยายามอยู่ บรรลุพระอรหัตแล้ว.
สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
ครั้งนั้น เราเป็นคนเฝ้าสวนอยู่ในพระนครพัน-
ธุมดี ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี เสด็จ
เหาะไปในอากาศ เราได้หยิบเอาผลขนุนสำมะลอ
ถวายแด่พระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด พระพุทธเจ้าผู้มี
พระยศใหญ่ ให้เกิดความปลื้มใจแก่เรา นำความสุข
มาให้ในปัจจุบัน ประทับอยู่ในอากาศนั่นเอง ได้ทรง