เมนู

อรรถกถาชิตกเถรคาถา


คาถาของท่านพระขิตกเถระ เริ่มต้นว่า ลหุโก วต เม กาโย.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้าองค์
ก่อน ๆ ทั้งหลาย สั่งสมบุญไว้ในภพนั้น ๆ เกิดเป็นยักษ์ผู้เสนาบดี ในกาล
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ วันหนึ่ง นั่งอยู่ในสมาคม-
ยักษ์ เห็นพระศาสดาประทับนั่งอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง จึงเข้าไปเฝ้า ถวายบัง-
คมพระศาสดา แล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่เขา.
เขาฟังธรรมแล้ว แสดงความปีติและโสมนัสอันโอฬาร ปรบมือ ลุกขึ้นถวาย
บังคมพระศาสดา การทำประทักษิณ แล้วหลีกไป.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิด
ในตระกูลพราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่า
ขิตกะ. เขาถึงความเป็นผู้รู้แล้ว สดับความที่พระมหาโมคคัลลานะ เป็นผู้มี
ฤทธิ์มาก คิดว่า เราจักเป็นเช่นพระเถระนี้ อันบุรพเหตุตักเตือนอยู่ บวชแล้ว
เรียนกรรมฐาน ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า การทำกรรมในสมถะและ
วิปัสสนาทั้งหลาย ได้สำเร็จอภิญญา 6 ต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประ-
พันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ ในอปทานว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นจอมประชา ประเสริฐ
กว่านระ ทรงพระนามว่า ปทุม ผู้มีพระจักษุ เสด็จ
ออกจากป่าใหญ่แล้วแสดงธรรมอยู่ ในขณะนั้นได้มี
การชุมนุมเทวดาในที่ไม่ไกล พระผู้มีพระภาคเจ้า

เทวดาทั้งหลายได้มาประชุมกันด้วยกิจบางอย่าง เรา
ได้เห็นอย่างชัดเจน เราได้ยินพระสุรเสียง ที่ทรง
แสดงอมตธรรมของพระพุทธเจ้า มีจิตเลื่อมใส มีใจ
โสมนัส ปรบมือแล้ว เข้าไปบำรุง เราเห็นผลแห่ง
การบำรุงพระศาสดาที่เราประพฤติดีแล้ว ใน 30,000
กัปที่ผ่านมา เราไม่รู้จักทุคติเลย ในกัปที่ 129 ได้
เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีนามว่า สมลังกตะ
สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีพลมาก. เราเผากิเลส
ทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระ-
ทำสำเร็จแล้ว
ดังนี้.
ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อเสวยเฉพาะอิทธิวิธี อัน
มีความพิเศษ มีอย่างมิใช่น้อย เพราะความเป็นผู้ชำนาญในฤทธิ์ทั้งหลาย
กระทำการอนุเคราะห์พระศาสดา ด้วยอิทธิปาฎิหาริย์ และด้วยอนุสาสนีปาฏิ-
หาริย์ อยู่. ท่านอันภิกษุทั้งหลายถามว่า ดูก่อนอาวุโส ท่านใช้อิทธิฤทธิ์ได้
อย่างไร ? เมื่อจะบอกความนั้น ได้กล่าวคาถาว่า
กายของเราเป็นกายเบาหนอ อันปีติและสุขอย่าง
ไพบูลย์ ถูกต้องแล้ว ย่อมเลือนลอยได้เหมือนนุ่น ที่
ถูกลมพัดไป ฉะนั้น ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ลหุโก วต เม กาโย มีอธิบายว่า
รูปกายของเรา ชื่อว่าเบาพร้อมหนอ เพราะการฝึกจิตมีอย่าง 14 ได้ ด้วยการ
ข่มกิเลสมีนิวรณ์เป็นต้น และเพราะความชำนาญ อันเราอบรมมาดีแล้ว ด้วย
การเจริญอิทธิบาท 4 โดยที่เราน้อมกรชกายนี้ ที่ชื่อว่า มีมหาภูตรูปให้
เป็นปัจจัยได้ด้วยอำนาจจิต.

บทว่า ผุฏฺโฐ จ ปีติสุเขน วิปุเลน ประกอบความนี้ ก็ร่างกาย
ของเรา อันความสุขที่ประกอบด้วยปีติ อันโอฬารใหญ่ยิ่งแผ่ไปทั่วทั้งร่าง
ถูกต้องแล้ว ก็คำนี้ ท่านกล่าวไว้เพื่อจะแสดงเหตุที่ทำให้กายเบาพร้อม. อธิบายว่า
การก้าวลงสู่ความหมายว่า กายและจิตเบาย่อมมีพร้อมกับการก้าวลงสู่ความ-
หมายว่า เป็นสุข ก็ในอธิการนี้ พึงทราบการแผ่ไปของความสุข ด้วยสามารถ
แห่งรูปอันเป็นสมุฏฐานของการก้าวลงความหมายว่ากายและจิตเบา.
ถ้าจะมีคำถามขึ้นว่า ก็ผู้ที่เพรียบพร้อมด้วยจตุตถฌาน จะมีการแผ่
ปีติสุขไปได้อย่างไร เพราะว่าจตุตถฌานนั้น มีปีติสุขสงบระงับแล้ว. ตอบว่า
ข้อนั้นเป็นความจริง แต่การแผ่ไปแห่งปีติสุขนี้ ท่านกล่าวไว้ด้วยสามารถแห่ง
ลักษณะของจตุตถฌาน โดยที่แท้ ก็คือกล่าวไว้ด้วยสามารถแห่งข้อความที่เป็น
บุรพภาคนั่นเอง. ก็บทว่า ปีติสุเขน ได้แก่ ความสุขที่คล้ายกับสุขประกอบ
ด้วยปีติ. อธิบายว่า ในอธิการนี้ อุเบกขาท่านประสงค์เอาว่าเป็นสุข เพราะ
ความเป็นสภาพที่สงบระงับ และเพราะประกอบไปด้วยญาณวิเศษ. สมดังที่
ท่านกล่าวไว้ว่า พระอริยบุคคลก้าวลงสู่สุขสัญญา และลหุสัญญา. ในบทนั้น
มีอรรถาธิบายดังนี้ว่า พระอริยบุคคลย่อมก้าวลง คือ ย่อมเข้าไปสัมผัส ได้แก่
ถึงพร้อมซึ่งสุขสัญญาและลหุสัญญา ที่เกิดพร้อมกับอิทธิจิต อันมีฌานเป็น
เบื้องบาทเป็นอารมณ์ หรือมีรูปกายเป็นอารมณ์.
และสมดังที่ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาว่า สัญญาอันสัมปยุตด้วยอุเบกขา
ชื่อว่า สุขสัญญา เพราะว่าอุเบกขาท่านกล่าวว่า เป็นสุขอันสงบแล้ว สัญญา
นั้นแหละ พึงทราบว่า ชื่อว่า ลหุสัญญา เพราะพ้นแล้วจากนิวรณ์ทั้งหลาย
และจากธรรมอันเป็นข้าศึกมีวิตกเป็นต้น. ก็แม้กรชกายของพระอริยบุคคล
ผู้ก้าวลงสู่สัญญานั้น ย่อมเป็นกรชกายเบาพร้อมเหมือนปุยนุ่น พระอริยบุคคล
ย่อมไปสู่พรหมโลก ด้วยกายที่ปรากฏว่าเบาพร้อมเหมือนปุยนุ่นที่ฟุ้งไปแล้ว

ตามแรงลมอย่างนี้. ด้วยเหตุนั้น พระเถระจึงกล่าวว่า กายของเราย่อมเลื่อนลอย
ได้เหมือนปุยนุ่น ที่ถูกลมพัดไปฉะนั้น ดังนี้. คาถานั้นมีใจความว่า ในเวลาใด
เรามีความประสงค์ จะไปสู่พรหมโลก หรือโลกอื่นด้วยฤทธิ์ ในเวลานั้น กาย
ของเราก็จะโลดไปสู่อากาศทันที เหมือนปุยนุ่น ที่วิจิตร อันลม คือ พายุพัดไป
ฉะนั้น.
จบอรรถกถาขิตกเถรคาถา

5. มลิตวัมภเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระมลิตวัมภเถระ


[242] ได้ยินว่า พระมลิตวัมภเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
เราเกิดความกระสันขึ้นในที่ใด เราย่อมไม่อยู่ใน
ที่นั้น แม้เราจะยินดีอย่างนั้น ก็พึงหลีกไปเสีย แต่
เราเห็นว่า การอยู่ในที่ใดจะไม่มีความเสื่อมเสีย เราก็
พึงอยู่ในที่นั้น.

อรรถกถามลิตวัมภเถรคาถา


คาถาของท่านพระมลิตวัมภเถระ เริ่มต้นว่า อุกฺกณฺฐิโต. เรื่องราว
ของท่านเป็นอย่างไร ?
ได้ยินว่า พระเถระนี้ เกิดเป็นนก ในสระธรรมชาติแห่งหนึ่ง ไม่ไกล
จากป่าหิมพานต์ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ เมื่อจะทรงอนุเคราะห์นกนั้น