เมนู

อรรถกถานีตเถรคาถา


คาถาของท่านพระนีตเถระ เริ่มต้นว่า สพฺพรตฺตึ สุปิตฺวาน. เรื่องราว
ของท่านเป็นอย่างไร ?
ได้ยินว่า พระเถระนี้ เป็นพราหมณ์ชื่อว่า สุนันทะ ในกาลของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ สอนมนต์กะพราหมณ์
หลายร้อยคน บูชายัญ ชื่อว่า วาชเปยฺยะ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรง
อนุเคราะห์พราหมณ์นั้น เสด็จไปสู่ที่บูชายัญ แล้วเสด็จจงกรมในอากาศ
พราหมณ์เห็นพระศาสดาแล้วมีใจเลื่อมใส ให้ศิษย์ทั้งหลายนำดอกไม้มาแล้ว
โยนขึ้นไปในอากาศ ทำการบูชาแล้ว ด้วยพุทธานุภาพ ที่นั้นและพระนคร
ทั้งสิ้น ได้เป็นประดุจถูกคลุมไว้ด้วยแผ่นผ้า คือ ดอกไม้. มหาชนต่างเสวยปีติ
โสมนัสอย่างโอฬารในพระศาสดา.
ด้วยกุศลกรรมนั้น สุนันทพราหมณ์ ท่องเที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย เกิดเป็นบุตรของพราหมณ์คนหนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุป-
บาทกาลนี้ ได้มีนามว่า นีตะ. เขาถึงความเป็นผู้รู้แล้ว คิดว่า สมณศากยบุตร
เหล่านี้มีศีลสะอาด มีมรรยาทงาม บริโภคโภชนะอย่างดี อยู่ในเสนาสนะที่อับลม
เราอาจบวชแล้วอยู่ในเสนาสนะเหล่านี้ได้ โดยสบายดังนี้ จึงบวชด้วยปรารถนา
ความสบาย เรียนกรรมฐานในสำนักของพระศาสดา แล้วมนสิการ
กรรมฐานได้ 2-3 วันเท่านั้น ก็ละทิ้งกรรมฐานนั้น ฉันเต็มตามต้องการ
จนร่างกายไม่เรียกร้องหาอาหาร ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่วันยังค่ำ ยังเวลา
ให้ล่วงไป ด้วยการสนทนากันด้วยเรื่องไร้สาระ แม้ในเวลากลางคืน ก็ถูก
ถีนมิทธะครอบงำ นอนหลับคืนยังรุ่ง พระศาสดาทรงตรวจดูความสุกงอม
แห่งเหตุของเธอแล้ว เมื่อจะทรงประทานโอวาท ได้ตรัสพระคาถาว่า

คนโง่เขลา มัวแต่นอนหลับตลอดทั้งคืน และ
คลุกคลีอยู่ในหมู่ชนตลอดวันยังค่ำ เมื่อไรจักทำที่สุด
แห่งทุกข์ได้เล่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สพฺพรตฺตี ได้แก่ ตลอดคืนทั้งสิ้น.
บทว่า สุปิตฺวาน แปลว่า นอนหลับแล้ว. อธิบายว่า ไม่ขวนขวาย
ความตื่น ที่ท่านกล่าวไว้โดยนัยมีอาทิว่า ชำระจิตให้บริสุทธิ์ จากอาวรณียธรรม
โดยการจงกรม โดยการนั่ง ตลอดปฐมยามแห่งราตรี ดังนี้ แล้วก้าวลงสู่
ความหลับ แม้ในยามทั้ง 3 แห่งราตรีทั้งสิ้น.
บทว่า ทิวาแปลว่า ทั้งวัน อธิบายว่า ตลอดส่วนแห่งวันทั้งสิ้น.
บทว่า สงฺคณิเกความว่า การมั่วสุมกับบุคคลผู้มากไปด้วยความ
มั่นคงทางกาย ด้วยการสนทนากันด้วยเรื่องไร้สาระ. ชื่อว่า การคลุกคลี ผู้ที่ยินดี
คือ อภิรมย์ในการคลุกคลีนั้น ได้แก่ ผู้ที่ยังไม่ขาดความพอใจในการคลุกคลี
นั้น ท่านกล่าวว่ายินดีแล้วในการคลุกคลี. บาลีว่า สงฺคณิการโต ดังนี้ก็มี.
บทว่า กุทาสฺสุ นาม เท่ากับ กุทา นาม. บทว่า อสฺสุ เป็น
นิบาต. อธิบายว่า ได้แก่ ในกาลชื่อไร ? บทว่า ทุมฺเมโธ ได้แก่ คน
ไม่มีปัญญา. บทว่า ทุกฺขสฺส ได้แก่ ทุกข์ในวัฏฏะ.
บทว่า อนฺตํ แปลว่า ซึ่งที่สุด. อธิบายว่า เมื่อไรจักกระทำ
การไม่เข้าไปยึดมั่นได้ โดยส่วนเดียวเล่า คือ การกระทำที่สุดแห่งทุกข์ ย่อม
ไม่มีแก่คนเช่นนี้ . บาลีว่า ทุมฺเมธ ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสิ ดังนี้ก็มี.
ก็เมื่อพระศาสดาตรัสพระคาถาอย่างนี้แล้ว พระเถระเกิดความสลดใจ
เริ่มตั้งวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์
ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า

เราเป็นพราหมณ์ มีนามว่า สุนันทะ ผู้รู้จบมนต์
เป็นผู้คงแก่เรียน เป็นผู้ควรขอ ได้บูชายัญ ชื่อว่า
วาชเปยยะ ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนาม
ว่า ปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้เลิศ เป็นพระฤาษี
ประกอบด้วยพระกรุณา ทรงเอ็นดูหมู่ชน เสด็จจงกรม
อยู่ในอากาศ พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นนายก
ของโลก เสด็จจงกรมแล้ว ทรงแผ่เมตตาไปในบรรดา
สัตว์ หาประมาณมิได้ ไม่มีอุปธิ พราหมณ์ผู้รู้จบมนต์
เด็ดดอกไม้ที่ขั้วแล้ว ประชุมศิษย์ทั้งหมด ให้ศิษย์
ช่วยกันโยนดอกไม้ขึ้นไปในอากาศ ในกาลนั้น หลังคา
ดอกไม้ ได้มีตลอดทั่วพระนครไม่หายไป ตลอด 7 วัน
ด้วยพุทธานุภาพ ด้วยกุศลมูลนั้น พราหมณ์ผู้รู้จบมนต์
ได้เสวยสมบัติแล้ว กำหนดรู้อาสวะทั้งปวง ข้ามโลก 3
และตัณหาได้แล้ว ในกัปที่ 1,100 แต่ภัทรกัปนี้ ได้เป็น
พระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์ 35 พระองค์ มีพระนาม
เหมือนกันว่า อัมพรังสสะ มีพลมาก. เราเผากิเลส
ทั้งหลายแล้ว ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำ
สำเร็จแล้ว
ดังนี้.
ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อพยากรณ์พระอรหัตผล
ก็ได้กล่าวย้ำซ้ำพระคาถานั้นแล.
จบอรรถกถานีตเถรคาถา

5. สุนาคเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสุนาคเถระ


[222] ได้ยินว่า พระสุนาคเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ผู้ฉลาดในการถือเอา ซึ่งนิมิตแห่งภาวนาจิต
เสวยรสแห่งวิเวก เพ่งฌาน ฉลาดในการรักษากรรมฐาน
มีสติตั้งมั่น พึงบรรลุนิรามิสสุขอย่างแน่นอน.

อรรถกถาสุนาคเถรคาถา


คาถาของท่านพระสุนาคเถระ เริ่มต้นว่า จิตฺตนิมิตฺตสฺส โกวิโท.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็มีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
เข้าไปสั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ เกิดในตระกูล
พราหมณ์ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า สิขี ในกัปที่
31 แต่ภัทรกัปนี้ เจริญวัยแล้ว เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งไตรเพท อยู่ในอาศรม
ใกล้ชัฏป่า สอนมนต์กะพราหมณ์ 3,000 คน. ครั้นวันหนึ่ง เมื่อเขาเห็น
พระศาสดาจึงตรวจดูพระลักษณะแล้วร่ายมนต์สำหรับทำนายลักษณะ ก็บังเกิด
ความเลื่อมใสอย่างโอฬาร ปรารภพระพุทธญาณว่า ผู้ประกอบด้วยลักษณะ
เช่นนี้ จักเป็นพระพุทธเจ้าผู้พิชิตมาร มีพระญาณหาที่สุดมิได้ ดังนี้.