เมนู

บทว่า ปวสฺส ความว่า จงพรมน้ำ คือ หลั่งสายฝนลงมา.
พระเถระเรียกเมฆว่า เทว.
จบอรรถกถาโคธิกาทิจตุเถรคาถา

2. สุพาหุเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสุพาหุเถระ


[189] ได้ยินว่า พระสุพาหุเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ฝนตกลงมา มีเสียงไพเราะดังเสียงเพลงขับ กุฎี
ของเรามุงดีแล้ว มีประตูหน้าต่างมิดชิดดี จิตของเรา
ก็ตั้งมั่นดีแล้ว ถ้าท่านปรารถนาจะตก ก็เชิญตกลงมา
เถิดฝน.

อรรถกถาสุพาหุเถรคาถา


ในคาถาที่พระเถระอีก 3 องค์นอกนี้กล่าวไว้ แปลกกันเฉพาะใน
บทที่ 3. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จิตฺตํ สุสมาหิตญฺจ กาเย ในคาถา
ที่พระสุพาหุเถระกล่าวไว้ ความว่า จิตของเราตั้งมั่นแล้วด้วยดี คือแนบแน่น
อยู่แล้วโดยชอบในกรชกาย ด้วยสามารถแห่งการเจริญกายคตาสติ อธิบายว่า
พระสุพาหุเถระนี้ กระทำฌานที่ตนได้แล้ว ด้วยสามารถแห่งการเจริญ
กายคตาสติ ให้เป็นบาท เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตแล้ว พระเถระ
หมายถึงการเจริญกายคตาสตินั้น จึงกล่าวว่า จิตฺตํ สุสมาหิตญฺจ กาเย และ
จิตของเราตั้งมั่นดีแล้วในกาย ดังนี้.
จบอรรถกถาสุพาหุเถรคาถา

3. วัลลิยเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระวัลลิยเถระ


[190] ได้ยินว่า พระวัลลิยเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ฝนตกลงมา มีเสียงไพเราะดังเสียงเพลงขับ กุฎี
ของเรามุงดีแล้ว มีประตูหน้าต่างมิดชิดดี เราเป็นผู้
ไม่ประมาทอยู่ในกุฎีนั้น ถ้าท่านปรารถนาจะตกก็เชิญ
ตกลงมาเถิดฝน.

อรรถกถาวัลลิยเถรคาถา


บทว่า ตสฺสํ วิหรามิ อปฺปมตฺโต ในวัลลิยเถรคาถา มีอธิบายว่า
เราชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว เพราะบรรลุถึงที่สุดแห่งข้อปฏิบัติอันให้ถึงความ
ไม่ประมาท อยู่ผัดเปลี่ยนอิริยาบถ คือยังอัตภาพให้เป็นไป ด้วยการเข้าไป
ประกอบด้วยธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ของพระอริยเจ้า และด้วยการประกอบด้วย
ธรรมมีทิพวิหารธรรมเป็นต้น ในกุฎีนั้น.
จบอรรถกถาวัลลิยเถรคาถา