เมนู

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธ-
เจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.

ก็พระเถระ ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว คิดว่า การเริ่มเจริญวิปัสสนา
และการบรรลุพระอรหัต เกิดแก่เรา ด้วยสามารถแห่งคาถานี้ ดังนี้ แล้ว
จึงได้ยกคาถานั้นแหละ โดยเป็นคาถาอุทาน.
จบอรรถกถาสานุเถรคาถา

5. รมณียวิหารีเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระรมณียวิหารีเถระ


[182] ได้ยินว่า พระรมณียวิหารีเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
โคอาชาไนยตัวสมบูรณ์ พลาดล้มแล้ว ย่อมกลับ
ลุกขึ้นตั้งตัวได้ ฉันใด ท่านทั้งหลายจงทรงจำเราไว้
ว่า เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สมบูรณ์ด้วย
ทัสสนะ ฉันนั้นเถิด.

อรรถกถารมณียวิหารีเถรคาถา


คาถาของท่านพระรมณียวิหารีเถระ เริ่มต้นว่า ยถาปิ ภทฺโท
อาชญฺโญ.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?

แม้พระเถระนั้น ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำไว้แล้ว ในพระพุทธเจ้า
องค์ก่อน ๆ สั่งสมบุญไว้เป็นอันมากในภพนั้น ๆ ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้
เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า วิปัสสี แล้วมีจิตเลื่อมใส ถวายบังคม
ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วทำการบูชาด้วยดอกหงอนไก่ ด้วยบุญกรรมนั้น
เขาเกิดในเทวโลกแล้วกระทำบุญ ท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ในเทวดาและ
มนุษย์ทั้งหลาย เกิดเป็นบุตรของเศรษฐีคนใดคนหนึ่ง ในกรุงราชคฤห์ ใน
พุทธุปบาทกาลนี้ ถึงความหมกมุ่นในกามคุณ เพราะความเมาในความเป็น
หนุ่มอยู่.
วันหนึ่ง เขาเห็นบุรุษคนหนึ่ง เป็นชู้กับเมียเขา ถูกลงโทษมีอย่างต่าง ๆ
เกิดความสลดใจ ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดาแล้วบวช ถึงจะบวชแล้ว
เพราะความเป็นคนมีราคจริต จึงปัดกวาดบริเวณจนสะอาด ตั้งน้ำฉัน น้ำใช้
ไว้อย่างดี ตกแต่งเตียงตั่งอย่างเรียบร้อย. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงมีนามปรากฏว่า
" รมณียวิหารี ".
เพราะเป็นผู้หนาแน่นด้วยราคะ ท่านจึงทำกิจโดยไม่แยบยล ต้องอาบัติ
ในเพราะตั้งใจทำน้ำสุกกะให้เคลื่อนแล้ว มีวิปฏิสารว่า น่าตำหนิตัวเราจริงหนอ
เราเป็นอย่างนี้ พึงบริโภคอาหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา (ได้อย่างไร) เดินไป
โดยคิดว่า จักสึก นั่งพักที่โคนไม้ในระหว่างทาง. ก็เมื่อหมู่เกวียนเดินผ่านทาง
นั้นไป โคที่เขาเทียมเกวียนตัวหนึ่งเหน็ดเหนื่อย ลื่นตกไปในทางที่ไม่สม่ำเสมอ
เจ้าของเกวียนจึงปลดมันออกจากแอก ให้หญ้าให้น้ำ พอหายเหนื่อยแล้ว ก็
เทียมมันเข้าที่แอกอีก เดินทางต่อไป. พระเถระเห็นดังนั้นก็คิดว่า โคตัวนี้
แม้พลาดไปแล้วหนหนึ่ง ยังลุกขึ้นนำธุระของตนไปได้ ฉันใด แม้เราก็ฉันนั้น
แม้จะพลั้งพลาดไปบ้าง ครั้งหนึ่ง ด้วยอำนาจกิเลส ก็ควรจะลุกขึ้นบำเพ็ญ
สมณธรรม ดังนี้แล้ว เกิดโยนิโสมนสิการ กลับไปแจ้งข่าวความเป็นไปของตน

แก่พระอุบาลีเถระ ออกจากอาบัติโดยวิธีที่กล่าวแล้วนั้น กระทำศีลให้บริสุทธิ์
ดุจเดิม เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถา
ประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
เราได้เห็นรอยพระบาท อันประดับด้วยจักรและ
เครื่องอลังการ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า
วิปัสสี ผู้แสวงหาคุณใหญ่ ทรงเหยียบไว้ จึงเดินตาม
รอยพระบาทไป เราได้เห็นต้นหงอนไก่ มีดอกบาน
จึงเก็บเอามาบูชาพร้อมทั้งราก เราร่าเริง มีจิตโสมนัส
ได้ไหว้รอยพระบาทอันอุดม ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้
เราได้บูชารอยพระพุทธบาทด้วยดอกไม้ใด ด้วยการ
บูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
ในกัปที่ 57 ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง
ทรงพระนามว่า วีตมละ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7
ประการ มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ
คำสอนของพระพุทธเจ้า เราทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.

ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เสวยวิมุตติสุข ได้กล่าวคาถา
อันแสดงถึงการบรรลุอริยธรรม พร้อมกับข้อปฏิบัติเบื้องต้นของตนว่า
โคอาชาไนยตัวสมบูรณ์ พลาดล้มแล้ว ย่อมกลับ
ลุกขึ้นตั้งตัวได้ ฉันใด ท่านทั้งหลายจงทรงจำเราไว้ว่า
เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สมบูรณ์ด้วย
ทัสสนะนั้นเถิด ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ขลิตฺวา แปลว่า พลาดแล้ว. บทว่า
ปฏิติฏฺฐติ แปลว่า กลับลุกขึ้นตั้งหลักได้ คือ กลับยืนอยู่ในที่เดิมได้อีก.
บทว่า เอวํ ความว่า โคอาชาไนยตัวเจริญ นำภาระไปถึงแหล่งที่มี
อันตราย ลื่นล้มลงไปครั้งหนึ่ง เพราะเหตุที่ไม่เสมอกัน ไม่ทอดทิ้งธุระด้วย
เหตุนั้น แม้ถึงจะพลาดไป ก็กลับลุกขึ้นตั้งตัวได้ เพราะสมบูรณ์ด้วยกำลัง
ความปราดเปรียว และความพยายามยืนหยัดอยู่ได้ โดยสภาพของตนนั่นแล
แล้วนำภาระไปได้ ฉันใด ภิกษุผู้ประสบความลำบากเพราะกิเลสก็ฉันนั้น.
ท่านทั้งหลายจงทรงจำข้าพเจ้า ผู้ชื่อว่าสมบูรณ์ด้วยทัสสนะ เพราะถึงจะพลาด
พลั้งไป เพราะความผิดพลาดจากการกระทำ ก็ยังทำความพลาดพลั้งนั้น ให้
กลับบริสุทธิ์ดุจเดิม เพราะสมบูรณ์ด้วยกำลังและความเพียร โดยมีความเห็น
ชอบในมรรค. เพราะเหตุนั้นแล จึงชื่อว่า เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะเกิดแล้วโดยอริยชาติในภพสุดท้าย ชื่อว่าเป็นบุตรผู้เกิดแต่พระอุระ
เพราะความเป็นผู้มีอภิชาติอันความพยายามให้เกิดแล้ว ที่พระอุระของพระ-
สัมมาสัมพุทธเจ้านั้นและชื่อว่าเป็นอาชาไนย เพราะมีหน้าที่คล้ายกับโคอาชาไนย
ตัวเจริญ.
จบอรรถกถารมณียวิหารีเถรคาถา

6. สมิทธิเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสมิทธิเถระ


[183] ได้ยินว่า พระสมิทธิเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
เราออกบวชเป็นบรรพชิต ด้วยศรัทธา มีสติ
และปัญญาอันเจริญ มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว ดูก่อนมาร
ถึงท่านจักบันดาลรูปต่าง ๆ ที่น่ากลัวให้เกิดขึ้น แต่ก็
ไม่สามารถทำให้เราสะดุ้งกลัวได้เลย.

อรรถกถาสมิทธิเถรคาถา


คาถาของท่านพระสมิทธิเถระ เริ่มต้นว่า สทฺธายาหํ ปพฺพชิโต.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็มีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญไว้เป็นอันมากในภพนั้น ๆ ในกัปที่ 94 แต่ภัทรกัปนี้ เป็นผู้มีใจ
เลื่อมใสแล้ว ถือเอาดอกไม้พร้อมทั้งขั้ว ผูกให้เป็นช่อบูชาแล้ว.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาเกิดในเทวโลก การทำบุญเป็นอันมาก ท่องเที่ยว
ไป ๆ มา ๆ อยู่แต่ในสุคติภพ เกิดในเรือนมีตระกูล ในพุทธุปบาทกาลนี้.
จำเดิมแต่เขาเกิดแล้ว ตระกูลนั้นก็เจริญมั่งคั่ง ด้วยทรัพย์และข้าวเปลือกเป็นต้น
และอัตภาพของเขา ก็สวยงาม น่าดู มีคุณสมบัติ. เพราะฉะนั้น เขาจึงมีนาม