เมนู

เถรคาถา เอกนิบาต วรรคที่ 5


1. สิรวัฑฒเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสิริวัฑฒเถระ


[178] ได้ยินว่า พระสิริวัฑฒเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
สายฟ้าแลบ ส่องแสงลอดเข้าไป ตามช่องแห่ง
ภูเขาเวภาระ และภูเขาปัณฑวะ ฉันใด ภิกษุผู้เป็น
บุตรแห่งพระพุทธเจ้าผู้คงที่ ไม่มีผู้เปรียบปาน อยู่ใน
ช่องแห่งภูเขา เจริญฌานอยู่ก็ฉันนั้น.

วรรควรรณนาที่ 5


อรรถกถาสิริวัฑฒเถรคาถา


คาถาของท่านพระสิริวัฑฒเถระเริ่มต้นว่า วิวรมนุปตนฺติ วิชฺชุตา.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนั้น ก็เป็นผู้มีอธิการอันการทำไว้แล้ว ในพระพุทธเจ้า
องค์ก่อน ๆ สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ บังเกิด
ในเรือนแห่งตระกูล ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า วิปัสสี
ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้ ถึงความเป็นผู้รู้แล้ว เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
พระนามว่า วิปัสสี กระทำการบูชาด้วยดอกหงอนไก่ ด้วยบุญกรรมนั้นไป

บังเกิดในเทวโลก กระทำบุญแล้วท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ในสุคติภพนั่นแหละ
เกิดในตระกูลพราหมณ์ ผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติ ในพระนครราชคฤห์ ใน
พุทธุปบาทกาลนี้. เขาได้มีนามว่า "สิริวัฑฒะ".
สิริวัฑฒกุมาร เจริญวัยแล้ว เกิดความเลื่อมใสในพระบรมศาสดา
และในพระสัทธรรม ในสมาคมของพระเจ้าพิมพิสาร บวชแล้ว เพราะสมบูรณ์
ด้วยเหตุ. ก็ครั้นท่านบวชแล้ว กระทำบุพกิจเสร็จแล้ว เป็นผู้ขวนขวายใน
กรรมฐาน อยู่ในถ้ำของภูเขา ในราวป่าแห่งใดแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากภูเขา
เวภารบรรพต.
ก็ในสมัยนั้น ฝนนอกฤดูเริ่มตั้งเค้าขึ้นหนาแน่น. สายฟ้าแลบแผ่ไปทั่ว
ดุจจะลอดเข้าไปสู่ช่องเขา. ความร้อนในฤดูร้อน ของพระเถระผู้ถูกความร้อน
ในฤดูร้อนครอบงำ ก็สงบลง เพราะลมที่พัดเมฆลอยไปเป็นกลุ่มใหญ่. จิต
ได้เป็นเอกัคคตารมณ์ เพราะได้ฤดูเป็นที่สบาย. พระเถระมีจิตตั้งมั่นแล้ว
ขวนขวายวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตแล้ว. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้
ในอปทานว่า
พระสัพพัญญูผู้เป็นนายกของโลก เช่นกับด้วย
ทองคำอันล้ำค่า พระองค์เป็นผู้นำของโลก
เสด็จลงสระน้ำสรงสนานอยู่ เรามีจิตเบิกบานมีใจ
โสมนัส ได้ถือเอาดอกหงอนไก่ไปบูชา แด่พระ-
สัพพัญญู พระนามว่า วิปัสสี ผู้จอมประชา ผู้คงที่ ใน
กัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วย
ดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็น
ผลแห่งพุทธบูชา ในกัปที่ 27 แต่ภัทรกัปนี้ ได้มี

พระเจ้าจักรพรรดิ ทรงพระนามว่า ภิมรถะ ทรง
สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีพลมาก. เราเผากิเลส
ทั้งหลายแล้ว ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระ-
ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.

ก็ครั้นท่านบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อจะเปล่งอุทาน อันเนื่องด้วยตน
โดยอ้างถึงพระอรหัตผล ได้ภาษิตคาถาว่า
สายฟ้าแลบ ส่องแสงลอดเข้าไปตามช่องแห่ง
ภูเขาเวภาระและภูเขาปัณฑวะ ฉันใด ภิกษุผู้เป็นบุตร
แห่งพระพุทธเจ้าผู้คงที่ ไม่มีผู้เปรียบปราน อยู่ใน
ช่องแห่งภูเขาเจริญฌานอยู่ ฉันนั้น ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิวรํ ได้แก่ ช่องที่มีในระหว่าง คือ
ตรงกลาง. บทว่า อนุปตนฺติ ความว่า ตกไป คือเป็นไปในลักษณะคล้อยตาม.
อธิบายว่า สว่างจ้า. ก็ที่ชื่อว่าความเป็นไปของสายฟ้า ก็คือฟ้าแลบนั่นเอง.
เพราะประกอบอนุศัพท์เข้าไป ในบทว่า วิวรํ นี้ จึงใช้เป็นทุติยาวิภัตติ เหมือน
ในประโยคว่า รุกฺขมนุวิชฺโชตนฺติ (สายฟ้าแลบไปตามช่องต้นไม้).
บทว่า วิชฺชุลตา แปลว่า สายฟ้า. บทว่า เวภารสฺส จ ปณฺฑวสฺส
ประกอบความว่า ส่องแสงลอดเข้าไปตามช่องแห่งภูเขาเวภาระ และปัณฑวะ.
บทว่า นควิวรคโต ความว่า เข้าไปสู่ช่องแห่งภูเขา คือถ้ำของภูเขา.
บทว่า ฌายติ ความว่า เพ่งด้วยอารัมมณูปนิชฌาน และลักขณูปนิชฌาน
คือเมื่อขวนขวายสมถะและวิปัสสนา ชื่อว่า ย่อมยังฌานให้เจริญ.

บทว่า ปุตฺโต อปฺปฏิมสฺส ตาทิโน ความว่า เป็นบุตรผู้เกิด
แต่พระอุระ ของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ผู้ไม่มีที่เปรียบ คือ เว้นจาก
ข้อเปรียบเทียบ ด้วยความถึงพร้อมแห่งธรรมกาย มีกองแห่งศีลเป็นต้น และ
ด้วยความถึงพร้อมแห่งรูปกาย ชื่อว่าผู้คงที่ เพราะถึงพร้อมด้วยลักษณะของผู้
คงที่. พึงทราบความว่า ก็ด้วยคำว่า ปุตฺตศัพท์ ในคาถานี้นั่นแล ชื่อว่าเป็นอัน
พระเถระพยากรณ์พระอรหัตผลแล้ว เพราะแสดงถึงความที่คนเป็นผู้เกิดตาม
พระบรมศาสดา.
จบอรรถกถาสิริวัฑฒเถรคาถา

2. ขทิรวนิยเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระขทิรวนิยเถระ


[179] ได้ยินว่า พระขทิรวนิยเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ดูก่อนสามเณรหลา* อุปหลา สีลุปหลา เธอทั้ง
สามเป็นผู้มีสติเฉพาะหน้าอยู่หรือ พระสารีบุตรผู้เป็น
ลุงของพวกท่าน มีปัญญาว่องไว หยั่งรู้เหตุผลได้
โดยถูกต้อง แม่นยำ เปรียบดังนายขมังธนูผู้ชำนาญ
ยิงปลายขนทรายมาแล้ว.

* พม่า และอังกฤษว่า สามเณรชื่อ จาลา อุปจาลาและสีสูปวาจา.