เมนู

9. ติสสเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระติสสเถระ


[176] ได้ยินว่า พระติสสเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
บุรุษถูกแทงด้วยหอก หรือถูกไฟไหม้ที่กระหม่อม
แล้วรีบรักษาฉันใด ภิกษุพึงเป็นผู้มีสติเว้นรอบ เพื่อ
ความกำหนัด ยินดีในกามฉันนั้น.

อรรถกถาติสสเถรคาถา


คาถาของท่านพระติสสเถระ เริ่มต้นว่า สตฺติยา วิย โอมฏฺโฐ.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
ได้ยินว่า แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระ
พุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ เข้าไปสั่งสมบุญ อันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ไว้ใน
ภพนั้น ๆ นำใบไม้เก่า ๆ ที่โคนไม้อันเป็นที่ตรัสรู้ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงพระนามว่า ติสสะ ออกแล้วชำระสะสางจนสะอาด. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่าน
ท่องเที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดเป็นโอรสของพระปิตุจฉา ของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ในพระนครกบิลพัสดุ์ ในพุทธุปบาทกาลนี้ โดยนาม มี
ชื่อว่า ติสสะ.
ท่านบวชตามพระผู้มีพระภาคเจ้า อุปสมบทแล้วอยู่ในราวป่า อาศัย
พระชาติ มีการถือตัว มากไปด้วยความโกรธ และความคับแค้น และมากไป
ด้วยการยกโทษเที่ยวไป ไม่ทำการขวนขวายในสมณะธรรม.

ครั้นในวันหนึ่ง พระศาสดาทรงเล็งเห็นท่าน นอนหลับ อ้าปากอยู่
ในที่พักกลางวัน ด้วยทิพยจักษุ เสด็จจากพระนครสาวัตถีไปทางอากาศ ประทับ
ยืนอยู่ในอากาศนั่นเอง เบื้องบนของพระเถระ แผ่โอภาสไปแล้ว ยังสติให้
เกิดแก่พระเถระผู้ตื่นแล้ว ด้วยโอภาสนั้น เมื่อจะประทานพระโอวาท ตรัส
พระคาถาว่า
บุรุษถูกแทงด้วยหอก หรือไฟไหม้ที่กระหม่อม
แล้วรีบรักษาฉันใด ภิกษุพึงเป็นผู้มีสติเว้นรอบ เพื่อ
ละความกำหนัดยินดีในกาม ฉันนั้น ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สตฺติยา นี้ เป็นหัวข้อเทศนา. อธิบายว่า
ได้แก่ ศาสตรา ที่มีคมข้างเดียวเป็นต้น. บทว่า โอมฏฺโฐ แปลว่า ประหาร
แล้ว. อธิบายว่าเครื่องประหารมี 4 อย่างคือ โอมัฏฐะ 1 อุมมัฏฐะ 1
มัฏฐะ 1 วิมัฏฐะ 1.
ในบรรดาเครื่องประหาร 4 อย่างนั้น เครื่องประหารที่ตั้งอยู่ข้างบน
ให้หน้าคว่ำลง ชื่อว่า โอมัฏฐะ. เครื่องประหารที่ตั้งอยู่ข้างล่าง ให้หน้าหงาย
ขึ้น ชื่อว่า อุมมัฏฐะ. เครื่องประหารที่แทงทะลุไป ดุจลิ่ม และเข็ม ชื่อว่า
มัฏฐะ. เครื่องประหารที่เหลือแม้ทุกอย่าง ชื่อว่า วิมัฏฐะ.
แต่ในที่นี้ ทรงหมายถึง เครื่องประหารชื่อว่า โอมัฏฐะ อธิบายว่า
เครื่องประหารชื่อ โอมัฏฐะนั้น ทารุณกว่าทุก ๆ อย่าง เป็นหอกที่ถอนขึ้นได้
ยาก แก้ไขเยียวยาได้ยาก มีโทษในภายในทำให้น้ำเหลืองและเลือดตกใน.
น้ำเหลืองและเลือดที่ไม่ไหลออกจะ (จับเป็นก้อน) ปิดปากแผล แล้วตั้งอยู่.
ผู้ประสงค์จะเอาน้ำเหลืองและเลือดออก ต้องมัดตัวติดกับเตียงให้นอนห้อยหัว.
สัตว์ทั้งหลายย่อมถึงตาย หรือทุกข์ปางตาย. บทว่า ฑยฺหมาเน แปลว่า
อันไฟเผาอยู่. บทว่า มตฺถเก แปลว่า บนศีรษะ.

ท่านกล่าวอธิบายว่า บุรุษผู้ถูกแทงด้วยหอก ย่อมปรารภความเพียร
เพื่อถอนหอกออก และทำการเยียวยารักษาแผล คือประกอบความพยายาม
เช่นนั้น พากเพียรไป ฉันใด หรือเปรียบเหมือน เมื่อถูกไฟไหนกระหม่อม
บุรุษผู้ถูกไหม้ศีรษะ ย่อมเพียรพยายามเพื่อจะดับไฟนั้น คือกระทำความ
พยายามเช่นนั้น ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน พึงเป็นผู้มีสติ คือไม่ประมาท
เพื่อจะละกามราคะ ได้แก่ พึงเป็นผู้มีความอุสาหะอย่างเหลือเกิน อยู่.
พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงประทานโอวาท เพื่อความเข้าไปสงบ
ระงับความโกรธและความคับแค้น แก่พระเถระนั้นอย่างนี้แล้ว ทรงยังเทศนา
ให้จบลง ด้วยอดคือการละกามราคะ เพราะตั้งอยู่ในฐานอันเดียวกัน. พระ
เถระฟังพระคาถานั้นแล้ว เป็นผู้มีใจสังเวช หมั่นขวนขวายในวิปัสสนาอยู่แล้ว.
พระศาสดาทรงทราบอัธยาศัยของท่านแล้ว ทรงแสดงติสสเถรสูตร ในสัง-
ยุตตกนิกาย. ในเวลาจบเทศนา พระเถระดำรงอยู่ในพระอรหัตผลแล้ว. สม
ด้วยคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ ในอปทานว่า
เราเสวยยศทั้งสองอย่าง ในเทวโลกและมนุษย-
โลก ในอวสาน เราได้บรรลุศิวโมกข์มหานฤพานอัน
ยอดเยี่ยม บุรุษใดประสบบุญ เพราะเจาะจงพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้า หรือโพธิพฤกษ์ ของพระศาสดาพระองค์
นั้น สำหรับบุรุษเช่นนั้น สิ่งอะไรเล่าที่เขาจะหาได้
ยาก เขาย่อมเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น ๆ ในเพราะ
มรรคผลนิกายเป็นที่มา และคุณคือฌานและอภิญญา
ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน. เมื่อก่อนเรามีใจยินดี
เก็บเอาใบโพธิ์ไปทิ้ง จึงเป็นผู้เพรียบพร้อม ด้วยองค์

20 ประการ นี้ทุกทิพาราตรีกาล เราเผากิเลสทั้งหลาย
แล้ว ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จ
แล้ว ดังนี้.

ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อจะพยากรณ์พระอรหัตผล
ได้กล่าวคาถานั้นแหละ เพื่อบูชาพระบรมศาสดา.
จบอรรถกถาติสสเถรคาถา

10. วัฑฒมานเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของวัฑฒมานเถระ


[177] ได้ยินว่า พระวัฑฒมานเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
บุรุษที่ถูกแทงด้วยหอก หรือถูกไฟไหม้ที่กระ-
หม่อม แล้วรีบรักษาฉันใด ภิกษุพึงเป็นผู้มีสติเว้นรอบ
เพื่อละความกำหนัดยินดีในภพ ฉันนั้น.

จบวรรคที่ 4

อรรถกถาวัฑฒมานเถรคาถา


คาถาของท่านพระวัฑฒมานเถระ. เริ่มต้นว่า สตฺติยา วิย โอ-
มฏฺโฐ.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
ได้ยินว่า แม้พระเถระนี้ ก็ได้เป็นผู้มีอธิการอันกระทำไว้แล้ว ใน
พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ในกัปที่ 92 นับแต่ภัทรกัปนี้ ในกาลของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ติสสะ บังเกิดในเรือนมีตระกูล ถึง
ความเป็นผู้รู้แล้ว เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ติสสะ เสด็จเที่ยว