เมนู

10. ขัลลาติยเปติวัตถุ



ว่าด้วยพ่อค้าให้ผ้าแก่นางเปรต



หัวหน้าพ่อค้าถามหญิงเปรตตนหนึ่งว่า
[95] ท่านเป็นใครหนออยู่ภายในวิมานนี้ ไม่
ออกจากวิมานเลย ก่อนนางผู้เจริญ เชิญท่าน
ออกมาเถิด ข้าพเจ้าจะขอดูท่านผู้ยืนอยู่ข้างนอก.

นางเวมานิกเปรตฟังคำถามดังนี้แล้ว จึงกล่าวว่า
ดิฉันเป็นหญิงเปลือยกาย มีแต่ผมปิดบังไว้
กระดากอายที่จะออกภายนอก ดิฉันได้ทำบุญ
ไว้น้อยนัก.

พ่อค้ากล่าวว่า
ดูก่อนนางผู้มีรูปงาม เอาเถอะ ข้าพเจ้า
จะให้ผ้าเนื้อดีแก่ท่าน เชิญท่านนุ่งผ้านี้ แล้วจง
ออกมาภายนอก เชิญออกมาภายนอกวิมานเถิด
ข้าพเจ้าจะขอดูท่านผู้ยืนอยู่ข้างนอก.

นางเวมานิกเปรตตอบว่า
ผ้านั้นถึงท่านจะให้ที่มือของดิฉันเอง ก็ไม่
สำเร็จแก่ดิฉัน ถ้าในหมู่ชนนี้มีอุบาสกผู้มีศรัทธา
เป็นสาวกของพระสัมมาสมพุทธเจ้า ขอท่านจง
ให้อุบาสกนั้นนุ่งห่มผ้าที่ท่านจะให้ดิฉัน แล้วอุทิศ

ส่วนกุศลให้ดิฉัน เมื่อท่านทำอย่างนั้น ดิฉันจึงจะ
ได้นุ่งห่มผ้านี้ตามปรารถนา ประสบความสุข

พ่อค้าทั้งหลายได้ฟังดังนี้แล้ว จึงให้อุบาสกนั้นอาบน้ำ
ลูบไล้แล้วให้นุ่งห่มผ้า แล้วอุทิศส่วนกุศลให้นางเวมานิกเปรตนั้น
พระสังคีติกาจารย์เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น ได้กล่าวคาถา
3 คาถา ความว่า :-
ก็พ่อค้าเหล่านั้นยังอุบาสกนั้นให้อาบน้ำ
ลูบไล้ด้วยของหอม แล้วให้นุ่งห่มผ้า แล้วอุทิศ
ส่วนกุศลไปให้นางเวมานิกเปรตนั้น ในทันตา
เห็นนั้นเอง วิบากย่อมบังเกิดขึ้นแก่นางเวมานิก
เปรตนั้น โภชนะ เครื่องนุ่งห่ม และน้ำดื่ม ย่อม
บังเกิดขึ้น นี้เป็นผลแห่งทักษิณา ลำดับนั้น นาง
มีสรีระบริสุทธิ์ นุ่งห่มผ้าสะอาด งามดีกว่าผ้าที่
ทำจากแคว้นกาสี เดินยิ้มออกมาจากวิมาน
ประกาศว่า นี้เป็นผลแต่งทักษิณา.

พ่อค้าเหล่านั้นถามว่า
วิมานของท่านงดงาม มีรูปภาพวิจิตรดี
สว่างไสว ดูก่อนนางเทพธิดา พวกข้าพเจ้าถาม
แล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร.

นางเทพธิดาตอบว่า

เมื่อดิฉันเป็นมนุษย์อยู่นั้น มีจิตเลื่อมใส
ได้ถวายแป้งคั่วอันเจือด้วยน้ำมัน แก่ภิกษุเที่ยว
บิณฑบาต ผู้มีจิตซื่อตรง ดิฉันเสวยวิบากแห่ง
กุศลกรรมนั้นในวิมานนี้สิ้นกาลนาน ก็ผลบุญนั้น
เดี๋ยวนี้ยังเหลือนิดหน่อย พ้น 4 เดือนไปแล้ว
ดิฉันจักจุติจากวิมานนี้ จักไปตกนรกอันเร่าร้อน
สาหัส มี 4 เหลี่ยม มี 4 ประตู จำแนกเป็น
ห้อง ๆ ล้อมด้วยกำแพงเหล็ก ครอบด้วยแผ่น
เหล็ก พื้นนรกนั้นล้วนเป็นเหล็กแดง ลุกเป็น
เปลวเพลิง ประกอบด้วยความร้อน แผ่ไปตลอด
ร้อยโยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ ดิฉันจักต้อง
เสวยทุกขเวทนาในนรกนั้นตลอดกาลนาน ก็การ
เสวยทุกข์เช่นนี้เป็นผลแห่งกรรมชั่ว เพราะ
ฉะนั้น ดิฉันจึงเศร้าโศกที่จะไปเกิดในนรกนั้น.

จบ ขัลลาติยเปติวัตถุที่ 10

อรรถกถาขัลลาฏิยะเปติวัตถุที่ 10



พระคาสดาเมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภ
นางเปรตขัลลาฏิยะตนหนึ่ง จึงตรัสคำเริ่มต้นว่า กา นุ อนฺโต
วิมานสฺมึ
ดังนี้.