เมนู

9. มหาเปสการเปติวัตถุ



ว่าด้วยเปรตกินมูตรคูณเพราะด่าสามี



ภิกษุรูปหนึ่งถามเทพบุตรตนหนึ่งว่า :-
[94] หญิงเปรตนี้กินคูถ มูตร โลหิต และหนอง
นี้เป็นวิบากแห่งกรรมอะไร หญิงเปรตนี้ เมื่อ
ก่อนได้ทำกรรมอะไรไว้จึงมีเลือดและหนองเป็น
ภักษาเป็นนิจ ผ้าทั้งหลายอันใหม่และงาม อ่อน
นุ่ม บริสุทธิ์ มีขนอ่อน อันท่านให้แล้วแก่หญิง
เปรตนี้ ย่อมกลายเป็นเหล็กไป เมื่อก่อนหญิง
เปรตนี้ได้ทำกรรมอะไรไว้หนอ.

เทพบุตรนั้นตอบว่า :-
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เมื่อก่อน หญิงเปรตนี้
เป็นภรรยาของข้าพเจ้า มีความตระหนี่เหนียว
แน่น ไม่ให้ทาน นางได้ด่าและบริภาษข้าพเจ้า
ผู้กำลังให้ทานแก่สมณพราหมณ์ทั้งหลายว่า จง
กินคูถ มูตร เลือด และหนองอันไม่สะอาดตลอด
กาลทุกเมื่อ คูถ มูตร เลือด และหนอง จงเป็น
อาหารของท่านในปรโลก แผ่นเหล็กจงเป็นผ้า
ของท่าน นางนาเกิดในที่นี้จึงกินแต่คูถและมูตร
เป็นต้นตลอดกาลนาน เพราะประพฤติชั่วเช่นนี้.

จบ มหาเปสการเปติวัตถุที่ 9

อรรถกถามหาเปสการเปติวัตถุที่ 9



เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภ
นางเปรตผู้เป็นช่างหูกคนหนึ่ง จึงตรัสคำนี้มีคำเริ่มต้นว่า คูถญฺจ
มุตฺตํ รุธิรญฺจ ปุพฺพํ
ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุประมาณ 12 รูป เรียนพระกรรมฐาน
ในสำนักพระศาสดา พิจารณาถึงสถานที่อันเหมาะสมแก่การอยู่
เมื่อจวนจะเข้าพรรษา เห็นราวป่าอันน่ารื่นรมย์ สมบูรณ์ด้วย
ร่มเงาและน้ำแห่งหนึ่ง ละโคจรคามไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นักแต่ราวป่า
นั้น จึงอยู่ในที่นั้นราตรีหนึ่ง รุ่งขึ้นจึงเที่ยวไปบิณฑบาตยังบ้าน.
ช่างหูก 11 คน อาศัยอยู่ในบ้านนั้น เห็นเหล่าภิกษุนั้น ๆ เกิดความ
โสมนัส จึงนำมายังเรือนของตน ๆ เลี้ยงดูด้วยอาหารอันประณีต
แล้วเรียนว่า ไปไหนกันขอรับ. ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า เราจักไป
ในที่ที่เรามีความสบาย. พวกช่างหูกพากันกล่าวว่า ท่านขอรับ
ถ้าเมื่อเป็นเช่นนั้น ขอพระคุณเจ้าจงอยู่ที่นี้แหละ ดังนี้แล้ว จึง
ขอร้องให้อยู่จำพรรษา. ภิกษุทั้งหลายก็รับคำ. อุบาสกอุบาสิกา
ทั้งหลายได้พากันสร้างกระท่อมในป่าในที่นั้นแล้วมอบถวายแก่
ภิกษุเหล่านั้น. ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในที่นั้นแล้ว.