เมนู

5. กุมารเปตวัตถุ



ว่าด้วยเด็กพูดวาจาหยาบเป็นบาปได้



เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น พระสังคีติกาจารย์ได้กล่าว
คาถา 7 คาถาความว่า
[115] พระญาณของพระสุคตศาสดาน่าอัศจรรย์
เป็นเหตุให้พระองค์ทรงพยากรณ์บุคคลได้อย่าง
ถูกต้องว่า บุคคลบางคนมีบุญมาก บางคนมีบุญ
น้อย คฤหบดีผู้นี้เมื่อยังเป็นเด็ก ถูกเขาทิ้งไว้ใน
ป่าช้า เป็นอยู่ได้ด้วยน้ำนมจากนิ้วมือตลอดราตรี
ยักษ์และภูตปีศาจ หรืองูเล็กงูใหญ่ ก็ไม่เบียด-
เบียนเด็กผู้มีบุญอันได้ทำไว้แล้ว แม้สุนัข
ทั้งหลายก็พากันมาเลียเท้าทั้งสองของเด็กนี้
ฝูงเหยี่ยวและสุนัขจิ้งจอก ก็พากันมาเดิน
เวียนรักษา ฝูงนกก็พากันมาคาบเอามลทิน
ครรภ์ไปทิ้ง ส่วนฝูงกาพากันมานำเอานี้ตา
เด็กนี้ หรือใคร ๆ ที่จะทำเมล็ดพรรณผักกาด
ให้เป็นยามิได้มี และไม่ได้ถือเอาการประกอบ

ฤกษ์ยามทั้งไม่ได้เรี่ยรายซึ่งข้าวเปลือกทั้งปวง
พระผู้มีพระภาคเจ้าอันเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว
มีพระปัญญากว้างขวาง ได้ทอดพระเนตรเห็น
เด็กอันบุคคลนำมาทิ้งไว้ในป่าช้าในราตรี ผู้ถึง
แล้วซึ่งความทุกข์อย่างยิ่งเช่นนี้ เหมือนก้อน
แห่งเนยใสหวั่นไหวอยู่ มีความสงสัยว่ารอดหรือ
ไม่รอดหนอ เหลืออยู่แต่สักว่าชีวิต ครั้นแล้วได้
พยากรณ์ว่า เด็กคนนี้จักเป็นผู้มีตระกูลสูง มี
โภคสมบัติในพระนครนี้.

พวกอุบาสกผู้ยืนอยู่ในที่ใกล้พระศาสดาทูลถามว่า :-
อะไรเป็นวัตรเป็นพรหมจรรย์ของเขา นี้
เป็นวิบากแห่งวัตรหรือพรหมจรรย์ที่เขาประพฤติ
แล้วเช่นไร เขาถึงความพินาศเช่นนี้แล้ว จักเสวย
ความสำเร็จเช่นนั้นเพราะกรรมอะไร.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ว่า:-
เมื่อก่อน มหาชนทำการบูชาอย่างโอฬาร
แก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เด็กนั้น
มิได้มีจิตเอื้อเฟื้อในการบูชา ได้กล่าววาจาหยาบ
คายอันมิใช่ของสัตบุรุษ ภายหลังเด็กนั้นอันมารดา
ตักเตือนให้กลับความวิตกอันลามกนั้นแล้ว กลับ
ได้ปีติและความเลื่อมใส ได้บำรุงพระตถาคต

ซึ่งประทับอยู่ ณ วิหารเชตวัน ด้วยข้าวยาคู
7 วัน ข้อนั้นเป็นวัตรเป็นพรหมจรรย์ของเขา
นี้เป็นวิบากแห่งวัตรและพรหมจรรย์ที่เขาประ-
พฤติแล้วนั้น เขาถึงความพินาศเช่นนั้นแล้ว จัก
ได้ความสำเร็จเช่นนั้น เขาตั้งอยู่ในมนุษยโลกนี้
สิ้นร้อยปี เป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยกามคุณทั้งปวง
เมื่อตายไปจักเข้าถึงความเป็นสหายแห่งท้าว
วาสวะ ในสัมปรายภพ.

จบ กุมารเปตวัตถุที่ 5

อรรถกถากุมารเปตวัตถุที่ 5



เรื่องแห่งกุมารเปรตนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อจฺเฉรรูปํ สุคตสฺส
ญาณํ
ดังนี้. เรื่องนั้นมีอุปุปัตติเหตุเป็นอย่างไร.
ได้ยินว่า ในกรุงสาวัตถี อุบาสกและอุบาสิกาเป็นอันมาก
เป็นหมู่กันโดยธรรม สร้างมณฑปหลังใหญ่ไว้ในพระนคร ประดับ
มณฑปนั้นด้วยผ้านานาพรรณ นิมนต์พระศาสดาและพระภิกษุสงฆ์
มาแต่เช้าตรู่ ให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานนั่งบนอาสนะ
ที่ลาดด้วยเครื่องลาดอย่างดีควรแก่ค่ามาก บูชาด้วยสักการะมี
ของหอมและดอกไม้เป็นต้นแล้ว ให้มหาทานเป็นไป. บุรุษคนหนึ่ง
มีจิตถูกมลทินคือความตระหนี้กลุ้มรุม พอเห็นดังนั้น ทนต่อสักการะ
นั้นไม่ได้ จึงกล่าวอย่างนี้ว่า สิ่งทั้งหมดนี้ ทิ้งเสียที่กองหยากเหยื่อ