เมนู

12. กัณณมุณฑเปติวัตถุ



ว่าด้วยภรรยานอกใจตายไปเป็นเปรต



พระเจ้าพาราณสีตรัสถามนางเวมานิกเปรตว่า
[109] สระโบกขรณีนี้มีน้ำใสสะอาด มีบันได
ทองคำ ลาดด้วยทรายทองคำ ในสระนั้นมีกลิ่น
หอมฟุ้งน่ารื่นรมย์ใจ ดาดดื่นไปด้วยหมู่ไม้นานา
มีลมรำเพยมาพัดเอากลิ่นหอมต่างๆ มา ดารดาษ
ด้วยบัวต่าง ๆ เกลื่อนกล่นด้วยบัวขาวมีกลิ่น
หอมเจริญใจ อันลมรำเพยพัดฟุ้งขจร ระงมไป
ด้วยเสียงหงส์และนกกะเรียน นกจักพรากมาร่ำ
ร้องไพเราะจับใจ เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงนก
ต่าง ๆ ส่งเสียงร้องอยู่อึงมี มีหมู่รุกขชาติอันมี
ดอกและผลนานาพรรณ ไม่มีเมืองใดในมนุษย์
เหมือนเมืองของท่านนี้ ปราสาทเป็นอันมากของ
ท่าน ล้วนแล้วด้วยทองคำและเงิน รุ่งเรืองงาม
สง่าไปทั่วทั้ง 4 ทิศโดยรอบ นางทาสี 500 คอย
บำเรอท่านประดับด้วยกำไรทอง นุ่งห่มผ้าทองคำ
บัลลังก์ของท่านมีมาก ซึ่งสำเร็จด้วยทองคำและ
เงิน ปูลาดด้วยหนังชะมดและผ้าโกเชาว์อันบุคคล
จัดแจงไว้แล้ว ท่านจะเข้านอนบนบัลลังก์ใด ก็

สำเร็จดังความปรารถนาทุกอย่าง เมื่อถึงเที่ยงคืน
ท่านลุกจากบัลลังก์นั้นลงไปสู่สวนใกล้สระโบก-
ขรณี ยืนอยู่ที่ฝั่งสระนั้นอันมีหญ้าเขียวอ่อน
งดงาม ลำดับนั้น สุนัขหูด้วนก็ขึ้นมาจากสระนั้น
กัดอวัยวะน้อยใหญ่ของท่าน เมื่อใด ท่านถูกสุนัข
กัดกินแล้วเหลือแต่กระดูก เมื่อนั้น ท่านจึงลงสู่
สระโบกขรณี ร่างกายก็กลับมีเหมือนเดิม ภาย
หลังจากเวลาลงสระโบกขรณี ท่านกลับมีอวัยวะ
น้อยใหญ่เต็มบริบูรณ์ งดงามดูน่ารัก นุ่งห่มแล้ว
มาสู่สำนักของเรา ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้
ด้วยกาย วาจา ใจ และเพราะวิบากแห่งกรรม
อะไร สุนัขหูด้วนจึงกัดกินอวัยวะน้อยใหญ่ของ
ท่าน.

นางเวมานิกเปรตกราบทูลว่า
มีคฤหบดีคนหนึ่ง เป็นอุบาสกผู้มีศรัทธา
อยู่ในเมืองกิมพิละ หม่อมฉันเป็นภรรยาของ
อุบาสกนั้น เป็นคนทุศีล ประพฤตินอกใจเขา เมื่อ
หม่อมฉันนอกใจเขาอย่างนั้น สามีหม่อมฉันจึง
พูดว่า การที่เธอประพฤตินอกใจฉันนั้นเป็นการ
ไม่เหมาะไม่สมควร และหม่อมฉันได้กล่าว
มุสาวาทสบถอย่างร้ายแรงว่า ฉันไม่ได้ประพฤติ

นอกใจท่านด้วยกายหรือด้วยใจ ถ้าฉันประพฤติ
นอกใจท่านด้วยกายหรือด้วยใจ ขอให้สุนัขหูด้วน
ตัวนี้กัดกินอวัยวะน้อยใหญ่ของฉันเถิด วิบาก
แห่งกรรมอันลามก คือ การประพฤตินอกใจ
สามีและมุสาวาททั้งสอง อันหม่อมฉันได้เสวย
แล้วตลอด 700 ปี เพราะกรรมอันลามกนั้น
สุนัขหูด้วนจึงกัดกินอวัยวะน้อยใหญ่ของหม่อม
ฉัน ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ พระองค์มีอุปการะ
แก่หม่อนฉันมา พระองค์เสด็จมาที่นี่ เพื่อ
ประโยชน์แก่หม่อมฉัน หม่อมฉันพ้นดีแล้วจาก
สุนัขหูด้วน ไม่มีความโศก ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ
ขอเดชะ หม่อมฉันขอถวายบังคมพระองค์
หม่อมฉันขอประนมอัญชลีวิงวอนว่า ขอพระองค์
จงเสวยกามสุขอันเป็นทิพย์ รื่นรมย์อยู่กับหม่อม
ฉันเถิด.

พระราชาตรัสว่า
กามสุขอันเป็นทิพย์เราเสวยแล้ว และ
รื่นรมย์แล้วกับท่าน ดูก่อนนางผู้ประกอบด้วย
ความงาม เราขออ้อนวอนท่าน ขอท่านจงรีบนำ
ฉันกลับเสียเถิด.

จบ กัณณมุณฑเปติวัตถุที่ 12

อรรถกถากัณณมุณฑเปติวัตถุที่ 12



เมื่อพระศาสดา ประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงพระปรารภ
ภัณณมุณฑเปรต ตรัสพระคาถานี้มีคำเริ่มต้นว่า โสณฺณโสปานผลกา
ดังนี้.
ได้ยินว่า ในอดีตกาล ในกาลแห่งพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า
กัสสปะ ในกิมิลนคร ยังมีอุบาสกคนหนึ่งเป็นพระโสดาบัน มี
ฉันทะร่วมกันกับอุบาสก 500 คน เป็นผู้ขวนขวายในบุญกรรม
มีการปลูกดอกไม้ สร้างสะพาน และสร้างที่จงกรม เป็นต้นอยู่
สร้างวิหารถวายพระสงฆ์ ได้ไปวิหารตามกาลเวลา พร้อมกับ
อุบาสกเหล่านั้น. ฝ่ายภริยาของอุบาสกเหล่านั้น เป็นอุบาสิกา
มีความพร้อมเพรียงกันและกัน ต่างถือดอกไม้ของหอมและเครื่อง
ลูบได้เป็นต้น ไปยังวิหารตามกาลเวลา ไปพักผ่อน ในสภาอัน
เป็นที่รื่นรมย์เป็นต้น ในระหว่างทาง.
ภายหลังวันหนึ่ง นักเลงหญิง 2-3 คน นั่งประชุมกันที่สภา
แห่งหนึ่ง เมื่อุบาสิกาเหล่านั้น พากันไปพักผ่อนในที่นั้น เห็นรูป
สมบัติของอุบาสิกาเหล่านั้น มีจิตปฏิพัทธ์ รู้ว่า อุบาสิกาเหล่านั้น
ถึงพร้อมด้วยศีล อาจารและคุณธรรม จึงสนทนากันว่า ใครสามารถ
จะทำลายดี. ของอุบาสิกาแม้คนหนึ่ง ในบรรดาอุบาสิกาเหล่านั้น
ได้. ในนักเลงเหล่านั้น นักเลงคนหนึ่ง กล่าวว่า เราสามารถ.
นักเลงเหล่านั้น ได้ทำความเสนียดจัญไรว่า พวกเราจะทำกรรม