เมนู

6. กัณหเปตวัตถุ



ว่าด้วยความปรารถนากระต่ายจากดวงจันทร์



โรหิไณยอำมาตย์กราบทูลว่า
[103] ข้าแต่พระองค์ผู้กัณหโคตร ขอพระองค์
จงลุกขึ้นเถิด จะมัวบรรทมอยู่ทำไม จะมี
ประโยชน์อะไรแก่พระองค์ด้วยการบรรทม
อยู่เล่า ข้าแต่พระเกสวะ บัดนี้พระภาคาร่วมพระ
อุทรของพระองค์ ซึ่งเป็นดุจพระหทัยและนัยน์-
เนตรเบื้องขวาของพระองค์ มีลมกำเริบคลั่งเพ้อ
ถึงกระต่ายไปเสียแล้ว. พระเจ้าเกสวะ ได้ทรง
ฟังคำของโรหิไณยอำมาตย์แล้ว อันความเศร้า-
โศกถึงพระภาดาครอบงำ ก็รีบเสด็จลุกขึ้นทันที
จับพระหัตถ์ทั้งสองของฆฏบัณฑิตไว้มั่นแล้ว
เมื่อจะทรงปราศรัย จึงตรัสพระคาถา มีความว่า
เหตุไรหนอ เธอจึงทำดุจเป็นคนบ้าเที่ยว
ไปทั่วนครทวารกะนี้ เพ้ออยู่ว่า กระต่าย ๆ เธอ
ปรารถนากระต่ายเช่นไร ฉันจักให้นายช่างทำ
กระต่ายทอง กระต่ายแก้วมณี กระต่ายโลหะ
กระต่ายรูปิยะ กระต่ายสังข์ กระต่ายหิน กระต่าย
แก้วประพาฬ ให้แก่เธอ หรือว่ากระต่ายอื่น ๆ

ที่เที่ยวหากินอยู่ในป่ามีอยู่ ฉันจักให้เขานำ
กระต่ายเหล่านั้นมาให้เธอ เธอปรารถนากระต่าย
เช่นไร.

ฆฏบัณฑิตกราบทูลว่า
ข้าพระองค์ไม่ปรารถนากระต่ายที่อาศัย
แผ่นดิน ข้าพระองค์ปรารถนากระต่ายจากพระ-
จันทร์ ข้าแต่พระเจ้าเกสวะ ขอพระองค์ได้ทรง
พระกรุณา นำกระต่ายนั้นลงนาประทานแก่ข้า-
พระองค์เถิด.

พระเจ้าวาสุเทพตรัสว่า
ดูก่อนพระญาติ เธอจักละชีวิตที่สดชื่น
ไปเสียเป็นแน่ เพราะเธอปรารถนากระต่ายจาก
ดวงจันทร์ ชื่อว่าปรารถนาสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา.

ฆฏบัณฑิตกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้กัณหโคตร ถ้าพระองค์
ทรงพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ขอให้พระองค์ทรงทราบ
ฉันนั้นเถิด เพราะเหตุไฉน พระองค์จงทรงพระ-
กรรแสงถึงราชโอรสที่ทิวงคตแล้ว แต่ก่อนมา
แม้จนวันนี้เล่า มนุษย์หรืออมนุษย์ไม่พึงได้ตาม
ปรารถนาว่า บุตรของเราที่เกิดมาแล้วจงอย่าตาย
พระองค์จะทรงได้ราชโอรสที่ทิวงคตแล้ว ซึ่งไม่

ควรได้แต่ที่ไหน ข้าแต่พระองค์ผู้กัณหโคตร
พระองค์ทรงกรรแสงถึงราชโอรสที่ทิวงคตแล้ว
ไม่สามารถจะนำคืนมาด้วยมนต์ รากยา โอสถ
หรือทรัพย์ได้ แม้กษัตริย์ทั้งหลายมีแว่นแคว้น
มาก มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทรัพย์และข้าว
เปลือกมาก จะไม่ทรงชราและไม่สวรรคต ไม่มี
เลย แม้กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คน
จัณฑาล คนเทหยากเยื่อ จะไม่แก่และไม่ตาย
เพราะชาติของตน ก็ไม่มีเลย ชนเหล่าใด ร่าย
มนต์อันประกอบด้วยองค์ 6 อันพราหมณ์คิดแล้ว
ชนเหล่านั้นจะไม่แก่และไม่ตายเพราะวิชาของ
ตน ก็ไม่มีเลย แม้พวกฤาษีเหล่าใดเป็นผู้สงบ
มีตนอันสำรวมแล้ว มีตบะ แม้พวกฤาษีผู้มีตบะ
เหล่านั้น ย่อมละร่างกายไปตามกาล พระอรหันต์
ทั้งหลายมีตนอันอบรมแล้ว ทำกิจเสร็จแล้ว ไม่มี
อาสวะ สิ้นบุญและบาป ย่อมทอดทิ้งร่างกายนี้ไว้.

พระเจ้าวาสุเทพตรัสว่า
เธอดับความกระวนกระวายทั้งปวงของเรา
ผู้เร่าร้อนอยู่ให้หายเหมือนบุคคลเอาน้ำดับไฟ
ที่ราดด้วยน้ำมันฉะนั้น เธอบรรเทาความโศกถึง
บุตรของเราผู้ถูกความโศกครอบงำ ได้ถอนขึ้น

แล้วหนอซึ่งลูกศร คือ ความโศกอันเสียบแทง
แล้วที่หทัยของเรา เราเป็นผู้มีลูกศร คือ ความ
โศกอันถอนขึ้นแล้ว เป็นผู้เย็น สงบแล้ว เราจะ
ไม่เศร้าโศก ไม่ร้องไห้อีก เพราะได้ฟังคำของเธอ
ชนเหล่าใดผู้มีปัญญา ผู้อนุเคราะห์กันและกัน
ชนเหล่านั้นย่อมทำอย่างนี้ ย่อมยังกันและกัน
ให้หายโศก เหมือนเจ้าชายฆฏะยังพระเชษฐาให้
หายโศกฉะนั้น พวกอำมาตย์ผู้เป็นบริจาริกาของ
พระราชาใด เป็นเช่นนี้ ย่อมแนะนำด้วยสุภาษิต
เหมือนเจ้าชายฆฏะแนะนำพระเชษฐาของตน
พระราชานั้นจะมีความโศกมาแต่ไหน.

จบ กัณหเปตวัตถุที่ 6

อรรถกถากัณหเปตวัตถุที่ 6



พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภอุบาสกคนหนึ่งลูกตาย จึงตรัสพระคาถานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า อุฏฺเฐหิ กณฺห กึ เสสิ ดังนี้.
ได้ยินว่า ในกรุงสาวัตถี ยังมีบุตรของอุบาสกคนหนึ่ง
ทำกาละแล้ว. อุบาสกนั้น เพียบพร้อมไปด้วยลูกศรคือ ความ
เศร้าโศก เพราะการตายของลูกนั้น ไม่อาบน้ำ ไม่กินข้าว ไม่
จัดแจงการงาน ไม่ไปยังที่อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า บ่นเพ้ออย่างเดียว