เมนู

3. มัตตาเปติวัตถุ



ว่าด้วยผู้ดุร้ายตายเป็นนางเปรต



นางติสสาถามหญิงเปรตตนหนึ่งว่า
[100] ดูก่อนนางเปรตผู้ซูบผอมมีแต่ซี่โครง ท่าน
เป็นผู้เปลือยกาย มีรูปร่างน่าเกลียด ซูบผอม มี
ตัวสพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ท่านเป็นใคร มายืนอยู่
ในที่นี้.

นางเปรตนั้นตอบว่า
เมื่อก่อน ท่านชื่อติสสา ส่วนฉันชื่อมัตตา
เป็นหญิงร่วมสามีกับท่าน ได้ทำกรรมอันลามก
ไว้ จึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก

นางติสสาถามว่า
ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา
ใจ หรือ เพราะวิบากแห่งกรรมอะไร ท่านจึงจาก
มนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก.

นางเปรตนั้นตอบว่า
ฉันเป็นหญิงดุร้ายและหยาบคาย มักหึง-
หวง มีความตระหนี่ เป็นคนโอ้อวด ได้กล่าววาจา
ชั่วกะท่าน จึงจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก

นางติสสากล่าว
เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความจริง แม้ฉันก็รู้
ว่า ท่านเป็นหญิงดุร้ายอย่างไร แต่อยากจะถาม
ท่านทุกอย่างหนึ่ง ท่านมีสรีระเปื้อนฝุ่นเพราะ
กรรมอะไร.

นางเปรตนั้นตอบว่า
ท่านกับฉันพากันอาบน้ำแล้ว นุ่งห่มผ้า
สะอาด ตบแต่งร่างกายแล้ว แต่ฉันแต่งร่างกาย
เรียบร้อยยิ่งกว่าท่าน เมื่อฉันแลดูท่านคุยอยู่กับ
สามี ลำดับนั้น ความริษยาและความโกรธได้เกิด
แก่ฉันเป็นอันมาก ทันใดนั้นฉันจึงกวาดเอาฝุ่น
โปรยลงรดท่าน ฉันมีสรีระเปื้อนด้วยฝุ่น เพราะ
วิบากแห่งกรรมนั้น.

นางติสสากล่าวว่า
เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความจริง แม้ฉันก็รู้
ว่า ท่านเอาฝุ่นโปรยใดฉัน แต่ฉันอยากจะถาม
ท่านสักอย่างหนึ่ง ท่านเป็นหิดคันไปทั่วตัว
เพราะกรรมอะไร.

นางเปรตนั้นตอบว่า
เราทั้งสองเป็นคนหายา ได้พากันไปป่า
ส่วนท่านหายามาได้ แต่ฉันนำเอาผลหมามุ่ยมา

เมื่อท่านเผลอ ฉันได้โปรยหมามุ่ยลงบนที่นอน
ของท่าน ฉันเป็นหิดคันไปทั้งตัวเพราะวิบากแห่ง
กรรมนั้น.

นางติสสากล่าวว่า
เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความจริง แม้ฉันก็รู
ว่า ท่านโปรยผลหมามุ่ยลงบนที่นอนของฉัน แต่
ฉันอยากจะถามท่านสักอย่างหนึ่ง ท่านเป็นผู้
เปลือยกายเพราะกรรมอะไร.

นางเปรตนั้นตอบว่า
วันหนึ่ง ได้มีการประชุมพวกมิตรสหาย
และญาติทั้งหลาย ส่วนท่านได้รับเชิญ แต่ฉันซึ่ง
สามีกับท่านไม่มีใครเชิญ เมื่อท่านเผลอฉันได้ลัก
ผ้าของท่านซ่อนเสีย ฉันเป็นผู้เปลือยกายเพราะ
วิบากแห่งกรรมนั้น.

นางติสสากล่าวว่า
เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความจริง แม้ฉันก็รู้
ว่า ท่านได้ลักผ้าของฉันไปซ่อน แต่ฉันอยากจะ
ถามท่านสักอย่างหนึ่ง ท่านมีกลิ่นกายเหม็นดัง
คูถ เพราะกรรมอะไร.

นางเปรตนั้นตอบว่า
ฉันได้ลักของหอม ดอกไม้ และเครื่อง
ลูบไล้ อันมีค่ามากของท่านทิ้งลงในหลุมคูถ บาป
นั้นฉันได้ทำไว้แล้ว ฉันมีกลิ่นกายเหม็นดังคูถ
เพราะวิบากแห่งกรรมนั้น.

นางติสสากล่าวว่า
เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความจริง แม้ฉันก็รู้
ว่า บาปนั้นท่านทำไว้แล้ว แต่ฉันอยากจะถาม
ท่านสักอย่างหนึ่ง ท่านเป็นคนยากจนเพราะกรรม
อะไร.

นางเปรตนั้นตอบว่า
ทรัพย์สิ่งใดมีอยู่ในเรือน ทรัพย์นั้นของเรา
ทั้งสองมีเท่า ๆ กัน เมื่อไทยธรรมมีอยู่ แต่ฉัน
ไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน ฉันเป็นคนยากจนเพราะ
วิบากแห่งกรรมนั้น ครั้งนั้น ท่านได้ว่ากล่าวตัก-
เตือนฉัน ห้ามไม่ให้ทำบาปกรรมว่า ท่านจะไม่ได้
สุคติ เพราะกรรมอันลามก.

นางติสสากล่าวว่า
ท่านไม่เชื่อถือเราและริษยาเรา ขอท่านจง
ดูวิบากแห่งกรรมอันลามกเช่นนี้ เมื่อก่อนนาง
ทาสีและเครื่องอาภรณ์ทั้งหลายได้ดีแล้วในเรือน

ของท่าน แต่เดี๋ยวนี้ นางทาสีเหล่านั้นพากันห้อม
ล้อมคนอื่น โภคะทั้งหลายย่อมไม่มีแก่ท่านแน่
แท้ บัดนี้ กฏุมพีผู้เป็นบิดาของบุตรเรา ยังไปใน
ตลาดอยู่ ท่านอย่าเพิ่งไปจากที่นี้เสียก่อน บางที
เขาจะให้อะไรแก่ท่านบ้าง.

นางเปรตนั้นกล่าวว่า
ฉันเป็นผู้เปลือยกาย มีรูปร่างน่าเกลียด
ซูบผอม สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น การเปลือยกาย
และมีรูปร่างน่าเกลียดเป็นต้นนี้ เป็นการยังความ
ละอายของหญิงทั้งหลายให้กำเริบ ขออย่าให้
กฏุมพีได้เห็นฉันเลย.

นางติสสากล่าวว่า
ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้สิ่งไร หรือทำบุญ
อะไรให้แก่ท่าน ท่านจึงจะได้ความสุขสำเร็จ
ความปรารถนาทั้งปวง.

นางเปรตนั้นกล่าวว่า
ขอท่านจงนิมนต์ภิกษุจากสงฆ์ 4 รูป และ
จากบุคคล 4 รูป รวมเป็น 8 รูป ให้ฉันภัตตาหาร
แล้วอุทิศส่วนบุญให้ฉัน เมื่อทำอย่างนั้นฉันจึงจะ
ได้ความสุข สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง.

นางติสสารับคำแล้ว นิมนต์ภิกษุ 8 รูป
ให้ฉันภัตตาหาร ให้ครองไตรจีวรแล้ว อุทิศส่วน
กุศลไปให้นางเปรต ข้าว น้ำและเครื่องนุ่งห่มอัน
เป็นวิบาก ได้บังเกิดขึ้นในทันใดนั้นนั่นเอง นี้เป็น
ผลแห่งทักษิณา ในขณะนั้นนั่นเอง นางเปรตมี
ร่างกายบริสุทธิ์สะอาด นุ่งห่มผ้าอันมีค่ายิ่งกว่า
ผ้าแคว้นกาสี ประดับด้วยผ้าและอาภรณ์อันวิจิตร
เข้าไปหานางติสสาผู้ร่วมสามี.

นางติสสาจึงถามว่า
ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก
ส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่ ดุจดาวประ-
กายพรึก ท่านมีวรรณะเช่นนี้ อิฐผลย่อมสำเร็จ
แก่ท่านในวิมานนี้ และโภคะทุกสิ่งทุกอย่าง อัน
เป็นที่พอใจ ย่อมเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะกรรมอะไร
ดูก่อนนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ฉันขอถาม
ท่านเมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ อนึ่ง
ท่านมีอานุภาพอันรุ่งเรื่อง และมีรัศมีสว่างไสว
ไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะกรรมอะไร.

นางมัตตาเทพธิดาตอบว่า
เมื่อก่อน ท่านชื่อติสสา ฉันชื่อมัตตา เป็น
หญิงร่วมสามีกันกับท่าน ฉันได้ทำกรรมอันลามก

ไว้ จึงจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก ฉันอนุโมทนาทาน
ที่ท่านให้แล้ว จึงไม่มีภัยแต่ที่ไหน คุณพี่ ขอท่าน
พร้อมด้วยญาติทุกคนจงมีอายุยืนนานเถิด คุณพี่
ผู้งดงาม ท่านจงประพฤติธรรมและให้ทานใน
โลกนี้แล้ว จะเข้าถึงฐานะอันไม่เศร้าโศก ปราศ-
จากธุลี ปลอดภัย อันเป็นที่อยู่แห่งท้าววสวัสดี
ท่านกำจัดมลทินคือความตระหนี่พร้อมด้วยราก
แล้ว อันใคร ๆ ไม่ติเตียนได้ จักเข้าถึงโลก
สวรรค์.

จบ มัตตาเปติวัตถุที่ 3

อรรถกถามัตตาเปติวัตถุที่ 3



เมื่อพระศาสดา ประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภนางเปรตชื่อว่า มัตตา จึงตรัสพระคาถานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ ดังนี้.
ได้ยินว่า ในกรุงสาวัตถี ได้มีกฎุมพีผู้หนึ่ง เป็นคนมีศรัทธา
มีความเลื่อมใส. แต่ภริยาของเขา ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใส
มักโกรธและเป็นหมัน โดยชื่อมีชื่อว่า มัตตา. ลำดับนั้น กฏุมพีนั้น
เพราะกลัววงศ์สกุลจะขาดศูนย์ จึงได้นำหญิงอื่นชื่อว่า ติสสา
มาจากสกุลเสมอกัน. นางเป็นผู้มีศรัทธา มีความเลื่อมใส ทั้งเป็น
ที่รัก เป็นที่ชอบใจของสามี. ไม่นานนัก นางก็ตั้งครรภ์ โดยล่วงไป