เมนู

6. โคปาลวิมาน


ว่าด้วยโคปาลวิมาน


พระมหาโมคัลลานเถระ

ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[80] ภิกษุเห็นเทพบุตรผู้สวมเครื่องประดับ
มือ ผู้มียศ ในวิมานสูง ซึ่งตั้งอยู่สิ้นกาลนาน
รุ่งโรจน์อยู่ในทิพยวิมาน ดุจพระจันทร์ จึงไต่ถาม
ว่า ท่านเป็นผู้ประดับองค์ทรงมาลัย มีพัสตราภรณ์
สวย มีกุณฑลงาม แต่งผมและหนวดแล้ว สวม
เครื่องประดับมือ มียศ รุ่งโรจน์อยู่ในทิพยวิมาน
เหมือนพระจันทร์ พิณทิพย์ทั้งหลายก็บรรเลงไพเราะ
เหล่าเทพอัปสรชั้นไตรทศ จำนวน 64,000 ล้วน
แต่คนดี ผู้ชำนาญศิลป์ พากันฟ้อนรำขับร้อง ทำ
ความบันเทิงอยู่ ท่านบรรลุเทพฤทธิ์ มีอานุภาพมาก
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะ
บุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
รัศมีของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ครั้นแล้วก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก ข้าพเจ้า
ได้รับจ้างเลี้ยงแม่โคของคนเหล่าอื่น ต่อมามีสมณะ
มาหาข้าพเจ้า โคทั้งหลายได้ไปกินถั่วราชมาษ
ข้าพเจ้าต้องกระทำกิจสองอย่างในวันนี้ ท่านเจ้าข้า

ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้คิดอย่างนั้น ภายหลังกลับได้
สัญญาความสำคัญโดยแยบคาย จึงวางห่อขนมสด
ลงในมือพระเถระ พร้อมกับกล่าวว่า ข้าพเจ้าถวาย
เจ้าข้า ข้าพเจ้าได้รีบรุดไปไร่ถั่ว ก่อนที่ไร่ถั่วซึ่ง
เป็นทรัพย์ของเจ้าของจะลูกฝูงโคทำลาย ณ ที่นั้น
งูเห่ามีพิษมากได้กัดเท้าของข้าพเจ้าผู้กำลังเร่งรีบไป
ข้าพเจ้าลูกความทุกข์เบียดเบียนบีบคั้น และภิกษุได้
ฉันขนมสดที่ข้าพเจ้าถวายนั้นเอง เพื่ออนุเคราะห์
ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากระทำกาลกิริยาตายไป จุติ
จากอัตภาพนั้น บังเกิดเป็นเทวดา กุศลกรรมนั้นเอง
ข้าพเจ้ากระทำไว้ ข้าพเจ้าจึงได้เสวยผลกรรมอันเป็น
สุขด้วยตนเอง ท่านเจ้าข้า พระคุณเจ้าอนุเคราะห์
ข้าพเจ้ามากแล้ว ข้าพเจ้าขออภิวาทพระคุณเจ้าด้วย
ความเป็นผู้กตัญญู ในโลกพร้อมทั้งเทวโลกและมาร
โลก ไม่มีมุนีอื่นที่อนุเคราะห์ยิ่งกว่าพระคุณเจ้า
ท่านเจ้าข้า พระคุณเจ้าอนุเคราะห์ข้าพเจ้ามากแล้ว
ข้าพเจ้าขออภิวาทพระคุณเจ้าด้วยความเป็นผู้กตัญญู
ในโลกนี้หรือโลกอื่น ไม่มีมุนีอื่นที่อนุเคราะห์ยิ่งกว่า
พระคุณเจ้า ท่านเจ้าข้า พระคุณเจ้าอนุเคราะห์
ข้าพเจ้ามากแล้ว ข้าพเจ้าขออภิวาทพระคุณเจ้าด้วย
ความเป็นผู้กตัญญู.

จบโคปาลวิมานที่ 6

อรรถกถาโคปาลวิมาน


โคปาลวิมาน มีคาถาว่า ทิสฺวาน เทวํ ปฏิปุจฺฉิ ภิกฺขุ เป็นต้น.
โคปาลวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์
สมัยนั้น คนเลี้ยงโคชาวราชคฤห์คนหนึ่ง ถือขนมสดที่ห่อด้วยผ้าเก่าเพื่อ
เป็นอาหารเช้า ออกจากเมืองไปถึงโคจรภูมิซึ่งเป็นที่เที่ยวไปของแม่โค
ทั้งหลาย ท่านพระมหาโมคคัลลานะทราบว่า เขาผู้นี้จักตายในบัดนี้เอง
และจักเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพราะถวายขนมสดแก่เรา ดังนี้ จึงได้
ไปใกล้เขา เขาดูเวลาแล้วประสงค์จะถวายขนมสด แด่พระเถระ ขณะนั้น
แม่โคทั้งหลายเข้าไปยังไร่ถั่ว ครั้งนั้น คนเลี้ยงโคคิดว่า เราควรจะถวาย
ขนมสด แด่พระเถระ หรือว่าควรจะไล่แม่โคทั้งหลายออกจากไร่ถั่ว
ตอนนั้นเขาคิดว่า พวกเจ้าของไร่ถั่วจงทำกะเราตามที่ต้องการเถิด แต่
เมื่อพระเถระไปเสียแล้ว เราจะไม่ได้ถวายขนมสด เอาเถิด เราจักถวาย
ขนมสด แด่พระผู้เป็นเจ้าก่อนละ ได้นำขนมสดนั้นเข้าถวายแด่พระเถระ
พระเถระรับเพื่ออนุเคราะห์เขา.
ขณะที่เขาวิ่งไปโดยเร็วเพื่อจะไล่ต้อนแม่โคทั้งหลายให้กลับ มิทัน
ได้พิจารณาถึงอันตราย งูพิษที่ถูกเขาเหยียบก็กัดเอา แม้พระเถระเมื่อ
อนุเคราะห์เขา ก็เริ่มฉันขนมสดนั้น คนเลี้ยงโคต้อนแม่โคทั้งหลายกลับ
มาแล้ว เห็นพระเถระกำลังฉันขนมอยู่ มีจิตเลื่อมใสนั่งเสวยปีติโสมนัส
อย่างยิ่ง พิษงูแล่นท่วมทั่วสรีระของเขาในขณะนั้นเอง เมื่อพิษแล่นถึง
ศีรษะ เขาตายในครู่นั้นแหละ ครั้นตายแล้ว เขาไปบังเกิดในวิมานทอง