เมนู

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ครั้นแล้วจึงพยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ข้าพเจ้าอยู่ในเมืองอันธกวินทะ เลื่อมใสแล้ว
ได้สร้างวิหารถวายพระพุทธเจ้า เผ่าพันธุ์พระอาทิตย์
ผู้เป็นพระศาสดา ด้วยมือของตน ข้าพเจ้ามีใจ
เลื่อมใสได้ถวายของหอม ดอกไม้ปัจจัย เครื่องลูบไล้
และวิหาร แด่พระศาสดาในเมืองอันธกวินทะนั้น
เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าได้ผลนี้ จึงมีสิทธิในนันทนวัน
ข้าพเจ้ามีหมู่เทพอัปสรฟ้อนรำขับร้องห้อมล้อม รื่น-
รมย์อยู่ในนันทนวันอันประเสริฐ ที่น่ารื่นรมย์ประกอบ
ไปด้วยสกุณชาตินานาชนิด.

จบสุวรรณวิมานที่ 4

อรรถกกถาสุวรรณวิมาน


สุวรรณวิมาน มีคาถาว่า โสวณฺณคเย ปพฺพตสฺมึ เป็นต้น.
สุวรรณวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นครอันธกวินทะ สมัยนั้น
อุบาสกคนหนึ่งมีศรัทธาปสาทะ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติได้สร้าง
พระคันธกุฎีที่สมควรเป็นที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงพร้อม
ด้วยอาการทั้งปวง ที่ภูเขาโล้นแห่งหนึ่งไม่ไกลหมู่บ้านนั้น อาราธนา

พระผู้มีพระภาคเจ้า ให้ประทับอยู่ในพระคันธกุฎีนั้นแล้วบำรุงโดยเคารพ
และตนเองก็ตั้งอยู่ในนิจศีล เป็นผู้มีศีลสังวรบริสุทธิ์ดี ทำกาลกิริยาตายไป
บังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ วิมานที่รุ่งเรืองด้วยข่ายรัศมีของรัตนะนานา
ชนิด มีไพทีอันวิจิตรแวดล้อม งามพร้อมไปด้วยเครื่องอลังการประดับ
ยอดหลากหลาย มีฝา เสา และบันไดจัดไว้เป็นอย่างดี เป็นรมณีย-
สถานที่น่ารื่นรมย์สมที่ชี้ถึงอานุภาพแห่งกรรมของอุบาสกนั้น ได้เกิดขึ้น
เหนือยอดภูเขาทอง ท่านพระมหาโมคคัลลานะจาริกไปยังเทวโลก เห็น
เทพบุตรนั้นจึงได้ถามด้วยคาถาทั้งหลายว่า
วิมานเหนือภูเขาทอง ของท่านมีรัศมีสว่างไป
ทุกส่วน ปกคลุมด้วยข่ายทอง ผูกขึงข่ายกระดึงไว้
เสาวิมานทุกต้น แปดเหลี่ยมทำไว้อย่างดี ล้วนแล้ว
ด้วยแก้วไพฑูรย์ ที่เหลี่ยมหนึ่ง ๆ สร้างด้วยรัตนะ
7 ประการ มีพื้นอันน่ารื่นรมย์ใจ วิจิตรด้วยแก้ว
ไพฑูรย์กับทอง แก้วผลึกกับเงิน แก้วลาย [ เพชร
ตาแมว ] กันมุกดา และแก้วมณีแดง [ ทับทิม ]
ที่วิมานนั้น ธุลีไม่ฟุ้ง หมู่จันทันมีสีเหลือง ที่สร้างไว้
ก็รับช่อฟ้า สร้าง 4 บันไดไว้ 4 ทิศ สว่างไสวด้วย
ห้องรัตนะต่าง ๆ ดุจดวงอาทิตย์ ที่วิมานนั้นมีไพที่จัด
ไว้เป็นพิมพ์เดียวกัน ประหนึ่งเนรมิตไว้เป็นสัดส่วน
เมื่อส่องแสงจึงสว่างไปโดยรอบทั้ง 4 ทิศ.

ในวิมานอันประเสริฐนั้น ท่านเป็นเทพบุตร
ผู้มีรัศมีมาก รุ่งโรจน์ด้วยวรรณะ ดุจดวงอาทิตย์
ที่กำลังอุทัย นี้เป็นผลแห่งทาน หรือศีล หรืออัญ-
ชลีกรรมของท่าน ท่านถูกอาตมาถามแล้ว โปรดบอก
ผลกรรมนั้นแก่อาตมาที่เถิด.

เทพบุตรแม้นั้น ได้พยากรณ์แก่พระมหาโมคคัลลานเถระด้วยคาถา
เหล่านี้ว่า
เทพบุตรนั้นถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว จึง
พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ข้าพเจ้าอยู่ในเมืองอันธกวินทะ เลื่อมใสแล้ว
ได้สร้างวิหารถวายพระพุทธเจ้า เผ่าพันธุ์พระอาทิตย์
ผู้เป็นพระศาสดา ด้วยมือของตน ข้าพเจ้ามีใจเลื่อมใส
ได้ถวายของหอม ดอกไม้ ปัจจัย เครื่องลูบไล้
และวิหาร แด่พระศาสดาในเมืองอันธกวินทะนั้น
เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงได้ผลนี้ จึงมีสิทธิใน
นันทนวัน ข้าพเจ้ามีหมู่เทพอัปสรฟ้อนรำขับร้องห้อม
ล้อม รื่นรมย์อยู่ในนันทนวันอันประเสริฐ ที่น่ารื่น-
รมย์ประกอบไปด้วยสกุณชาตินานาชนิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สพฺพโตปภํ ได้แก่ ส่องรัศมี คือ
เปล่งรัศมีออกไปจากทุกส่วน. บทว่า กิงฺกิณิชาลกปฺปิตํ ได้แก่ มีข่าย
กระดึงที่จัดไว้เรียบร้อย.

บทว่า สพฺเพ เวฬุริยามยา ความว่า เสาทุกต้นล้วนแล้วไป
ด้วยแก้วไพฑูรย์และแก้วมณี. ก็บทว่า เอกเมกาย อํสิยา ในคาถานั้น
ได้แก่ ส่วนที่เป็นเหลี่ยมหนึ่ง ๆ ในเสาแปดเหลี่ยม. บทว่า รตนา
สตฺต นิมฺมิตา
ได้แก่ อันกรรมสร้างด้วยรัตนะ 7 อธิบายว่า เหลี่ยม
หนึ่ง ๆ สำเร็จด้วยรัตนะ 7.
ด้วยบทว่า เวฬุริยสุรณฺณสฺส เป็นต้น ท่านแสดงถึงรัตนะต่างๆ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เวฬุริยสุวณฺณสฺส ได้แก่ สร้างด้วยแก้ว
ไพฑูรย์และทอง. อีกอย่างหนึ่ง ประกอบความว่า วิจิตรไปด้วยแก้ว
ไพฑูรย์และทอง. ก็คำนี้เป็นฉัฏฐีวิภัตติ ลงในอรรถแห่งตติยาวิภัตติ.
แม้ในบทว่า ผลิการูปิยสฺส จ นี้ก็นัยนี้แหละ. บทว่า มสารคลฺลมุตฺตาหิ
ได้แก่ เพชรตาแมว [ แก้วลาย ]. บทว่า โลหิตงฺคมณีหิ ได้แก่
ทับทิม.
บทว่า น ตตฺถุทฺธํสตี รโช ความว่า ธุลีไม่ฟุ้งในวิมานนั้น
เพราะมีพื้นทำด้วยแก้วมณี. บทว่า โคปานสีคณา ได้แก่ ประชุมกลอน
[ จันทัน ]. บทว่า ปีตา ได้แก่ มีสีเหลือง อธิบายว่า ทำด้วยทองและ
ทำด้วยมณีบุษราคัมเป็นต้น. บทว่า กูฏํ ธาเรนฺติ ความว่า ทรงไว้ซึ่ง
ช่อฟ้าที่สำเร็จด้วยรัตนะ 7.
บทว่า นานารตนคพฺเภหิ ได้แก่ ห้องที่ล้วนแล้วไปด้วยรัตนะ
ต่าง ๆ. บทว่า เวทิยา ได้แก่ ไพที (แท่น) บทว่า จตสฺโส
ได้แก่ มี 4 ไพทีใน 4 ทิศ ด้วยเหตุนั้น พระมหาโมคคัลลานเถระ
จึงกล่าวว่า สมนฺตา จตุโร ทิสา โดยรอบทั้ง 4 ทิศ.

บทว่า มหปฺปโภ แปลว่า รุ่งเรืองมาก. บทว่า อุทยนฺโต
แปลว่า ขึ้นไปอยู่. บทว่า ภาณุมา แปลว่า พระอาทิตย์.
บทว่า สเกหิ ปาณิหิ ประกอบความว่า ข้าพเจ้าประสบบุญซึ่ง
เป็นสาระของกาย เมื่อกระทำกิจนั้น ๆ ได้สร้างวิหารถวายพระศาสดาด้วย
มือของตน. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สเกหิ ปาณิหิ ได้แก่ ด้วยอำนาจ
บูชาของหอม ดอกไม้ ปัจจัยและเครื่องลูบไล้ ในเมืองอันธกวินทะนั้น.
เหมือนอย่างไร. ในข้อนี้พึงทราบการประกอบความอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้า
ได้ถวาย คือบูชาและมอบถวายวิหารที่สร้างแล้ว แด่พระศาสดา ด้วยใจ
เลื่อมใส.
บทว่า เตน ได้แก่ ด้วยบุญกรรมตามที่กล่าวแล้วนั้นเป็นเหตุ.
บทว่า มยฺหํ แปลว่า อันข้าพเจ้า. บทว่า อิทํ ได้แก่ ผลบุญนี้
หรืออธิปไตยความเป็นใหญ่อันเป็นทิพย์นี้. เพราะเหตุนั้น เทพบุตรนั้น
จึงกล่าวว่า วสํ วตฺเตมิ ดังนี้.
บทว่า นนฺทเน ได้แก่ ในเทวโลกนี้ อันเป็นสถานที่เกิดขึ้น
แห่งฤทธิ์ความสำเร็จ อันเป็นทิพย์ ซึ่งเป็นที่เพลิดเพลิน แม้ในที่นั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ในสวนนันทนวันอันรื่นรมย์ ประกอบความว่า
ข้าพเจ้ายินดีในนันทนวันนี้ ซึ่งเป็นที่รื่นรมย์อย่างนี้. คำที่เหลือมีนัย
ดังกล่าวแล้วนั่นแล.
เมื่อเทวดาเล่าแจ้งถึงบุญกรรมของตนอย่างนี้แล้ว พระเถระได้
แสดงธรรมแก่เทพบุตรนั้นพร้อมทั้งบริวาร แล้วกราบทูลความนั้นถวาย
พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทำเรื่องนั้นให้เป็นอัตถุป-

ปัตติเหตุเกิดเรื่อง ทรงแสดงธรรมโปรดบริษัทที่ประชุมกันอยู่ เทศนา
นั้นได้เกิดประโยชน์แก่มหา ชน ดังนี้แล.
จบอรรถกถาสุวรรณวิมาน

5. อัมพวิมาน


ว่าด้วยอัมพวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[79] วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์
โดยรอบ มีห้องรโหฐาน 700 ล้วนเสาแก้วไพฑูรย์
ปลาด้วยเครื่องปูลาดที่งดงามโอฬาร ท่านนั่งและ
ดื่มกินในวิมานนั้น และพิณทิพย์ก็บรรลงไพเราะ
มีกามคุณห้ามีรสเป็นทิพย์ และอัปสรเทพนารีที่แต่ง
องค์ด้วยทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมี
วรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่
ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ฯ ล ฯ
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่าง
นี้ และรัศมีของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า