เมนู

2. นันทนวิมาน


ว่าด้วยนันทนวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[76] สวนนันทนวันเป็นวนะประเสริฐที่สุด สูง
สุดของทวยเทพชั้นไตรทศ ย่อมสว่างไสว ฉันใด
วิมานของท่านนี้ ก็อุปมาฉันนั้น สว่างไสวอยู่ใน
อากาศ ท่านได้เทพฤทธิ์มีอานุภาพมาก ครั้งเกิด
เป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของท่าน
จึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ครั้นแล้วก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก ข้าพเจ้า
เป็นคนยากจน ไม่มีที่พึ่ง เป็นกำพร้า เป็นกรรมกร
เลี้ยงดูบิดามารดาผู้แก่เฒ่า อนึ่ง สมณะผู้มีศีล ได้เป็น
ที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส เมื่อบริจาค
ข้าวและน้ำ ได้ถวายทานอย่างไพบูลย์ โดยเคารพ.

เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะ
บุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะ
ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า ฯ ล ฯ เพราะบุญ

นั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมี
ของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบนันทนวิมาน

อรรถกถานันทนวิมาน


นันทนวิมาน มีคาถาว่า ยถา วนํ นนฺทนํ ปภาสติ เป็นต้น.
นันทนวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี
เรื่องทั้งหมดเป็นต้นว่า สมัยนั้น ในกรุงสาวัตถีมีอุบาสกคนหนึ่ง ดังนี้
เหมือนกับเรื่องของวิมานติด ๆ กัน (ที่กล่าวมาแล้ว ) แต่อุบาสกคนนี้
แต่งงานแล้วเลี้ยงดูบิดามารดา ต่างกันตรงนี้เท่านั้น.
พระมหาโมคคัลลานเถระได้สอบถามเทพบุตรถึงกรรมที่ทำไว้ ด้วย
คาถาเหล่านี้ว่า
สวนนันทนวันเป็นสวนประเสริฐสุด สูงสุดของ
ทวยเทพชั้นไตรทศ สว่างไสวฉันใด วิมานของท่าน
นี้ก็อุปมาฉันนั้น สว่างไสวอยู่ในอากาศ ท่านได้
เทพฤทธิ์มีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ท่านได้
ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพ
รุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของท่านจึงสว่างไสวไป
ทุกทิศ.