เมนู

อรรถกถาอุตตวิมาน


อุตตรวิมาน มีคาถาว่า ยา เทวราชสฺส สภา สุธมฺมา เป็นต้น.
อุตตรวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพาน แจกพระธาตุกันแล้ว พระสถูป
ทั้งหลาย ถูกสถาปนาไว้ในนครนั้น ๆ ครั้นพระมหาเถระมีพระมหา-
กัสสปะเป็นประมุข คัดเลือกพระเถระอรหันต์เพื่อสังคายนาพระธรรมวินัย
แล้ว และเมื่อพระเถระอื่น ๆ กับบริษัทของตน ๆ อยู่ในที่นั้น ๆ จน
เข้าพรรษา ท่านพระกุมารกัสสปะพร้อมกับภิกษุ 500 รูป ถึงเสตัพยนคร
อยู่ ณ สีสปาวัน ครั้งนั้น พระยาปายาสิ [ เจ้าเมืองเสตัพยะ ] ฟังว่า
พระเถระอยู่ในที่นั้น มีหมู่ชนเป็นอันมากแวดล้อมแล้ว เข้าไปหาพระเถระ
ทำปฏิสันถารกันแล้วก็นั่งลง ประกาศทิฏฐิของตน พระเถระเมื่อประกาศ
ว่า ปรโลก [โลกอื่น] มีด้วยอุทาหรณ์มีพระจันทร์และพระอาทิตย์
เป็นต้น ก็แสดงปายาสิสูตร อันวิจิตรด้วยนัยต่าง ๆ ประดับด้วยเหตุและ
อุปมามากอย่าง เปลื้องปมทิฏฐิ ทำพระยาปายาสินั้นให้ดำรงอยู่ในทิฏฐิ
สัมปทา ถึงพร้อมด้วยความเห็นชอบ.
พระยาปายาสินั้น มีทิฏฐิความเห็นหมดจดแล้ว เมื่อให้ทานแก่
สมณพราหมณ์คนยากไร้คนเดินทางไกลเป็นต้น ก็ให้แต่ของปอน ๆ คือ
ข้าวปลายเกรียนกับน้ำส้มพะอูม พอแก้หิว และผ้าเนื้อหยาบ เพราะตนมี
อัธยาศัยไม่โอฬาร [ คือใจแคบ ] ดังนั้น จึงให้ทานโดยไม่เคารพ
ครั้นแตกกายทำลายขันธ์ ก็เข้าถึงหมู่เทพชั้นต่ำ คือเป็นสหายของเหล่าเทพ
ชั้นจาตุมหาราช [ ต่ำสุดในสวรรค์ 6 ชั้น ]. ส่วนมาณพชื่ออุตตระ ผู้

จัดการในกิจใหญ่กิจน้อยของพระยาปายาสินั้น ได้เป็นผู้ขวนขวายในทาน
เขาให้ทานโดยเคารพ ก็เข้าถึงหมู่เทพชั้นดาวดึงส์. วิมาน 12 โยชน์ ก็
บังเกิดแก่เขา อุตตรเทพบุตร เมื่อจะประกาศความกตัญญู. จึงเข้าไปหา
ท่านพระกุมารกัสสปะพร้อมทั้งวิมาน ลงจากวิมานแล้ว ไหว้ด้วย
เบญจางคประดิษฐ์ ยืนประคองอัญชลีอยู่. พระเถระจึงสอบถามอุตตร-
เทพบุตรนั้น ด้วยคาถาหลายคาถาว่า
วิมานนี้ของท่าน ตั้งอยู่ในอากาศ ส่องรัศมี
เปรียบด้วยสภาของท้าวสักกเทวราช ชื่อสุธรรมา มี
หมู่เทพนั่งอยู่กันพร้อมเพรียง.

ท่านบรรลุเทวฤทธิ์แล้วมีอานุภาพมาก ฯลฯ
และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะถาม
แล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าได้
เป็นมาณพรับใช้ของพระยาปายาสิ ได้ทรัพย์มาแล้ว
ก็เอามาจัดแจกเป็นทาน ภิกษุทั้งหลายที่มีศีลเป็นที่รัก
ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใสแล้ว เมื่อบริจาค
ข้าวน้ำก็ได้ถวายทานอย่างไพบูลย์ โดยเคารพ.

เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้
เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะ

ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า ฯ ล ฯ เพราะบุญ
นั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรแม้นั้น ได้พยากรณ์ด้วยคาถาเหล่านี้แล.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เทวราชสฺส ได้แก่ ท้าวสักกะ. บทว่า
สภา สุธมฺมา ได้แก่ สัณฐาคาร ห้องประชุมมีชื่ออย่างนี้. บทว่า ยตฺถ
แปลว่า ในสภาใด. บทว่า อจฺฉติ แปลว่า นั่ง. บทว่า เทวสงฺโฆ ได้แก่
หมู่เทพชั้นดาวดึงส์. บทว่า สมคฺโค ได้แก่ ไปด้วยกัน คือ ชุมนุมกัน.
บทว่า ปายาสิสฺส อโหสึ มาณโว ได้แก่ ชื่อว่ามาณพ เพราะ
เป็นคนหนุ่ม เป็นผู้กระทำกิจการใหญ่น้อย ของพระยาปายาสิ แต่โดย
ชื่อ เขาชื่อว่า อุตตระ. บทว่า สํวิภาคํ อกาสึ ได้แก่ ข้าพเจ้าไม่ใช้
ทรัพย์ตามที่ได้ [ เป็นส่วนตัว ] หากได้ทำการจำแนกแจกจ่ายโดยสละใน
ทานเป็นสำคัญ. พึงประกอบคำที่เหลือ [ซึ่งควรเพิ่ม ] ว่า เมื่อสละ
ข้าวและน้ำ อีกอย่างหนึ่ง ได้ถวายเป็นทานอย่างไพบูลย์ ได้ถวายทาน
อย่างไพบูลย์อย่างไร ถวายทานเช่นไร โดยเคารพ พึงประกอบว่า เมื่อ
บริจาคข้าวและน้ำ.
จบอรรถกถาอุตตรวิมาน
จบอรรถกถาปายาสิวรรคที่ 6 ประดับด้วยเรื่อง 10 เรื่อง ในวิมานวัตถุ
แห่งปรมัตถทีปนี อรรถกถาขุททกนิกาย ด้วยประการฉะนี้.


รวมวิมานที่มีในวรรคนี้ คือ


1. ปฐมอคาริยวิมาน 2. ทุติยอคาริยวิมาน 3. ผลทายกวิมาน
4. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน 5. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน 6. ภิกขาทายก-
วิมาน 7. ยวปาลกวิมาน 8. ปฐมกุณฑลีวิมาน 9. ทุติยกุณฑลีวิมาน
10. อุตตรวิมาน และอรรถกถา.
จบวรรคที่ 6