เมนู

10. อุตตรวิมาน


ว่าด้วยอุตตรวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ได้ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[74] สภาใดของท้าวสักกเทวราช ชื่อ
สุธรรมา หมู่เทพนั่งกันอย่างพร้อมเพรียงในสภาใด
วิมานของท่านนี้ก็อุปมาด้วยสภานั้น ส่องแสงสว่าง
อยู่ในอากาศ ท่านบรรลุเทวฤทธิ์ มีอานุภาพมาก
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่าน
จึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้น ถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว
ดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าเป็น
มาณพรับใช้ของพระยาปายาสิ ได้ทรัพย์มาแล้ว ได้
กระทำการแจกจ่าย อนึ่ง ท่านผู้มีศีลทั้งหลาย เป็น
ที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส เมื่อบริจาค
ข้าวและน้ำได้ถวายทานอันไพบูลย์ โดยเคารพ
เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ และ
วรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบอุตตรวิมาน

อรรถกถาอุตตวิมาน


อุตตรวิมาน มีคาถาว่า ยา เทวราชสฺส สภา สุธมฺมา เป็นต้น.
อุตตรวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพาน แจกพระธาตุกันแล้ว พระสถูป
ทั้งหลาย ถูกสถาปนาไว้ในนครนั้น ๆ ครั้นพระมหาเถระมีพระมหา-
กัสสปะเป็นประมุข คัดเลือกพระเถระอรหันต์เพื่อสังคายนาพระธรรมวินัย
แล้ว และเมื่อพระเถระอื่น ๆ กับบริษัทของตน ๆ อยู่ในที่นั้น ๆ จน
เข้าพรรษา ท่านพระกุมารกัสสปะพร้อมกับภิกษุ 500 รูป ถึงเสตัพยนคร
อยู่ ณ สีสปาวัน ครั้งนั้น พระยาปายาสิ [ เจ้าเมืองเสตัพยะ ] ฟังว่า
พระเถระอยู่ในที่นั้น มีหมู่ชนเป็นอันมากแวดล้อมแล้ว เข้าไปหาพระเถระ
ทำปฏิสันถารกันแล้วก็นั่งลง ประกาศทิฏฐิของตน พระเถระเมื่อประกาศ
ว่า ปรโลก [โลกอื่น] มีด้วยอุทาหรณ์มีพระจันทร์และพระอาทิตย์
เป็นต้น ก็แสดงปายาสิสูตร อันวิจิตรด้วยนัยต่าง ๆ ประดับด้วยเหตุและ
อุปมามากอย่าง เปลื้องปมทิฏฐิ ทำพระยาปายาสินั้นให้ดำรงอยู่ในทิฏฐิ
สัมปทา ถึงพร้อมด้วยความเห็นชอบ.
พระยาปายาสินั้น มีทิฏฐิความเห็นหมดจดแล้ว เมื่อให้ทานแก่
สมณพราหมณ์คนยากไร้คนเดินทางไกลเป็นต้น ก็ให้แต่ของปอน ๆ คือ
ข้าวปลายเกรียนกับน้ำส้มพะอูม พอแก้หิว และผ้าเนื้อหยาบ เพราะตนมี
อัธยาศัยไม่โอฬาร [ คือใจแคบ ] ดังนั้น จึงให้ทานโดยไม่เคารพ
ครั้นแตกกายทำลายขันธ์ ก็เข้าถึงหมู่เทพชั้นต่ำ คือเป็นสหายของเหล่าเทพ
ชั้นจาตุมหาราช [ ต่ำสุดในสวรรค์ 6 ชั้น ]. ส่วนมาณพชื่ออุตตระ ผู้