เมนู

อรรถกถายวปาลกวิมาน


ยวปาลกวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ เป็นต้น.
ยวปาลกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์
เด็กเข็ญใจคนหนึ่ง เฝ้านาข้าวเหนียว. วันหนึ่ง เขาได้ขนมสดอย่างหนึ่ง
สำหรับเป็นอาหารมื้อเช้า คิดว่าไปนาแล้วจึงจักกิน ถือนมสดนั้นเดินไป
นาข้าวเหนียว นั่งลงใกล้โคนไม้ ขณะนั้น พระเถระขีณาสพรูปหนึ่งเดิน
ทางมาถึงที่นั้นในเวลากระชั้นชิด เข้าไปยังโคนไม้ที่เด็กเฝ้านาข้าวเหนียว
นั่งอยู่. เด็กเฝ้านาข้าวเหนียวดูเวลาแล้วถามว่า ท่านได้อาหารแล้วหรือ
ขอรับ พระเถระก็นิ่ง เขารู้ว่า ท่านยังไม่ได้ฉัน จึงกล่าวว่า ท่านขอรับ
ใกล้เวลาแล้ว ท่านไปเที่ยวบิณฑบาตฉันไม่ได้แล้วละ โปรดฉันขนมสดนี้
อนุเคราะห์กระผมเถิด แล้วถวายขนมสดนั้นแก่พระเถระ. พระเถระเมื่อ
จะอนุเคราะห์เด็กนั้น ก็ฉันขนมสดนั้น ทั้งที่เขาเห็นอยู่ อนุโมทนาแล้ว
ก็กลับไป. แม้เด็กนั้นก็มีจิตเลื่อมใสว่า เราเมื่อถวายขนมสดเป็นทานแก่
ภิกษุเช่นนี้ ชื่อว่าถวายดีแล้วหนอ ต่อมา เขาก็ตายไปบังเกิดในวิมาน
ภพดาวดึงส์ โดยนัยที่กล่าวมาแล้ว ท่านพระมหาโมคคัลลานะจึงสอบถาม
เทพบุตรนั้น ด้วยคาถาหลายคาถาว่า
วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ
มีห้องรโหฐาน 700 โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์
ลาดด้วยเครื่องลาดอันงามดี.

ท่านนั่งดื่มและกินอยู่ในวิมานนั้น พิณทิพย์
บรรเลงไพเราะ และเหล่าเทพกัญญาชั้นไตรทศ
จำนวน 64,000 นาง ก็เป็นผู้ดี ล้วนชำนาญศิลป์
ฟ้อนรำขับร้อง ทำความบันเทิงอย่างโอฬาร.

ท่านบรรลุเทวฤทธิ์แล้วมีอานุภาพมาก ครั้ง
เกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญ
อะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

แม้เทพบุตรนั้น ก็พยากรณ์แก่ท่านด้วยคาถาหลายคาถาว่า
เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะถาม
แล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าได้
เป็นคนเฝ้านาข้าวเหนียว ได้เห็นพระภิกษุผู้ปราศจาก
กิเลสดุจธุลี ผ่องใสไม่มัวหมอง ก็เลื่อมใส ได้แบ่ง
ขนมถวายแก่ท่านด้วยมือตนเอง ครั้นถวายขนมส่วน
หนึ่งแล้ว ก็บันเทิงอยู่ในนันทนวัน.

เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้
เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะ
ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอ

บอกท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้
เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

แม้ในคาถาเหล่านั้น ที่ไม่เคยกล่าวไว้ไม่มี คือกล่าวไว้แล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถายวปาลกวิมาน

8. ปฐมกุณฑลีวิมาน


ว่าด้วยกุณฑลีวิมานที่ 1


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ได้ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[72] ท่านแต่งองค์ ทรงมาลัย ทรงพัสตรา-
ภรณ์สวย ใส่ตุ้มหูอันงาม แต่งผมและหนวดเรียบร้อย
สวมอาภรณ์ประดับมือ เรืองยศ อยู่ในวิมานทิพย์ ดุจ
พระจันทร์ อนึ่ง พิณทิพย์ก็บรรเลงไพเราะ เทพอัปสร
ชั้นไตรทศจำนวน 64,000 ก็เป็นผู้ดี ล้วนชำนาญ
ศิลป์ พากันมาฟ้อนรำขับร้องทำให้บันเทิงใจ ท่าน
บรรลุเทวฤทธิ์ มีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์
ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมี
อานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่าง
ไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้น ถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว