เมนู

ตำบลหนึ่ง. คำที่เหลือ ก็เช่นเดียวกับวิมานก่อน.
ท่านพระมหาโมคคัลลานะ สอบถามว่า
ดวงอาทิตย์โคจรไปในอากาศ ส่องแสงสว่าง
ในท้องฟ้า ที่ปราศจากพลาหก [ เมฆฝน ] ฉันใด
วิมานนี้ของท่าน ก็เปรียบฉันนั้น ฯ ล ฯ และ
วรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

วิมานนี้พึงทำให้พิสดารเหมือนวิมานก่อนในหนหลัง.
แม้ในคาถานั้น ก็กล่าวไว้แล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถาทุติยอุปัสสยทายกวิมาน

6. ภิกขาทายกวิมาน


ว่าด้วยภิกขาทายกวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ได้ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[70] วิมานแก้วมณีของท่านนี้สูง 12 โยชน์
โดยรอบ มีห้องรโหฐาน 700 มีเสาแก้วไพฑูรย์
ปูลาดด้วยเครื่องลาดอันสวยงาม ท่านบรรลุเทวฤทธิ์
มีอานุภาพมาก ฯ ล ฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึง
สว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้น ถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว
ดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าได้
เห็นภิกษุลำบากกาย หิวโหย ในกาลนั้น ข้าพเจ้า
จัดกับข้าวอย่างหนึ่ง ถวายพร้อมด้วยข้าวสวย เพราะ
บุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ และ
วรรณะของข้าพเจ้าจึงว่างไสวไปทุกทิศ.

จบภิกขาทายกวิมาน

อรรถกถาภิกขาทายกวิมาน


ภิกขาทายกวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ เป็นต้น.
ภิกขาทายกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์
สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง เดินทางไกลเข้าไปบิณฑบาตยังหมู่บ้านตำบลหนึ่ง
ยืนใกล้ประตูเรือนหลังหนึ่ง. บุรุษผู้หนึ่งในเรือนหลังนั้น ล้างมือเท้าแล้ว
นั่งลงหมายจะบริโภคโภชนะ เมื่อเขาจัดโภชนะใส่ในภาชนะ เห็นภิกษุ
นั้น ก็เกลี่ยข้าวสวยในภาชนะของตน ลงในบาตรของภิกษุนั้น แม้ภิกษุ
นั้นจะบอกว่า ให้แต่ส่วนเดียวเถิด แต่ก็เกลี่ยลงหมดเลย ภิกษุนั้น
อนุโมทนาแล้วก็กลับไป. บุรุษผู้นั้นกำลังระลึกว่า เราไม่กินแต่ถวาย
ข้าวสวยนั้นแก่ภิกษุผู้หิวจัด ก็ได้ปีติโสมนัสอันโอฬาร ต่อมา เขาตาย