เมนู

ดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ผู้มีจิตเลื่อมใส เมื่อถวายก็ถวายผลมะม่วงใน
หมู่ภิกษุผู้ปฏิบัติตรง ย่อมได้ผลอันไพบูลย์ ผู้นั้นแล
ไปสู่สวรรค์บันเทิงอยู่ในสวรรค์ชั้นไตรทิพย์ เสวยผล
บุญอันไพบูลย์ ข้าแต่ท่านมหามุนี ก็อย่างนั้นเหมือน
กัน ข้าพเจ้าได้ถวายผลมะม่วง 4 ผล.

เพราะเหตุนั้นแล มนุษย์ผู้ต้องการความสุข
ปรารถนาความสุข อันเป็นทิพย์ หรือปรารถนาความ
สวยงามของมนุษย์ ควรถวายผลไม้เป็นนิตย์ทีเดียว.

เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะเช่นนี้ 1 ล ฯ
และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบผลทายกวิมาน

อรรถกถาผลทายกวิมาน


ผลทายกวิมาน มีดาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถูณํ เป็นต้น. ผลทายก-
วิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์
สมัยนั้น พระเจ้าพิมพิสารเกิดความอยากจะเสวยผลมะม่วง ในเวลาที่มิใช่
ฤดูมะม่วง ท้าวเธอตรัสกะพนักงานเฝ้าสวนว่า พนายเอ๋ย ข้าเกิดอยากกิน
ผลมะม่วงขึ้นมาแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าจงนำมะม่วงมาให้ข้าทีเถิด. เจ้า
พนักงานกราบทูลว่า ข้าแต่เทวะ ขณะนี้มะม่วงทั้งหลายยังไม่มีผล พระ-

เจ้าข้า แต่ถ้าหากพระองค์จะโปรดรอคอยชั่วเวลาสักเล็กน้อย ข้าพระบาท
ก็จะทำให้มันออกผลให้ได้ ไม่นานเลย พระเจ้าข้า. ตรัสว่า ดีสิ พนาย
ลงมือทำอย่างนั้นเลย. พนักงานเฝ้าสวนก็ไปสวน เอาดินละเอียด ที่โคน
ต้นมะม่วงออกไปแล้ว เกลี่ยดินละเอียดเช่นนั้นลงใหม่ รดน้ำลงตรงนั้น
จนต้นมะม่วงสลัดใบ ไม่นานนัก ครั้นแล้ว ก็เอาดินละเอียดนั้นออกไป
เกลี่ยดินละเอียดตามปกติ ผสมกับกากมะปรางแล้วใส่น้ำรสหวานลงไป.
ครั้งนั้น ไม่นานเลย ต้นมะม่วงทั้งหลายก็ออกช่อตามกิ่ง ตูมแล้วก็บาน.
ออกผลดิบอ่อนแล้วก็แก่. ในต้นมะม่วงเหล่านั้น ต้นหนึ่ง ก็สุกก่อน
4 ผล มีสีแดงเรื่อดังผงชาด มีกลิ่นรสหอมหวาน.
พนักงานเฝ้าสวนนั้น ก็ถือผลมะม่วงเหล่านั้นเดินไปหมายจะถวาย
พระราชา ระหว่างทาง พบท่านพระมหาโมคคัลลานะ กำลังบิณฑบาต
คิดว่า มะม่วงเหล่านี้ เป็นผลไม้ชั้นยอด จำเราจักถวายพระผู้เป็นเจ้าเสีย
เถิด พระราชาจะทรงฆ่า หรือเนรเทศเราก็ตามที. เพราะว่า เมื่อเรา
ถวายพระราชา ก็จะพึงมีผลเล็กน้อยเพียงด่าตอบแทนในปัจจุบัน แต่เมื่อ
เราถวายพระผู้เป็นเจ้าแล้ว จักมีผลไม่มีประมาณ ทั้งปัจจุบันทั้งภายหน้า
ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว ก็ถวายผลมะม่วงเหล่านั้นแก่พระเถระ แล้วเข้าเฝ้า
กราบทูลเรื่องนั้นถวายแด่พระราชา. พระราชาทรงสั่งราชบุรุษว่า พนาย
พวกเจ้าจงสอบสวน อย่างที่บุรุษผู้นี้กล่าวก่อน. ส่วนพระเถระ นำผล
มะม่วงเหล่านั้น น้อมถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. ในผลมะม่วงเหล่านั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทานแก่ท่านพระสารีบุตรผล 1 ท่านพระมหาโมค-
คัลลานะผล 1 ท่านพระมหากัสสปะผล 1 เสวยเองผล 1 พวกราชบุรุษ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระราชา

พระราชาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ทรงปลื้มพระทัยว่า บุรุษผู้นี้เป็น
บัณฑิต ที่ยอมสละชีวิตคนขวนขวายแต่บุญ และได้สร้างฐานความลำบาก
ใจให้แก่ตนเอง แล้วพระราชทานบ้านส่วยตำบล 1 และผ้าผ่อนเครื่อง
ประดับเป็นต้นแก่เขาแล้วตรัสว่า พนาย เจ้าขวนขวายบุญ ด้วยการถวาย
ผลมะม่วงเป็นทาน เจ้าจงให้ส่วนบุญจากทานนั้นแก่เราบ้างสิ. เขากราบ
ทูลว่า ข้าแต่เทวะ ข้าพระบาท ขอถวาย โปรดทรงรับส่วนบุญ ตาม
สมควรเถิด พระเจ้าข้า. ต่อมาพนักงานเฝ้าสวน ก็ตายไปเกิดในเหล่า
เทพชั้นดาวดึงส์ วิมานทอง 16 โยชน์ ประดับด้วยห้องรโหฐาน 700
ก็บังเกิดแก่เขา. ท่านพระมหาโมคคัลลานะพบเทพบุตรนั้นแล้วถามว่า
วิมานเสาแก้วมณีนี้สูงขนาด 16* โยชน์ โดย
รอบ มีห้องรโหฐาน 700 โอฬาร ล้วนเสาแก้ว
ไพฑูรย์ ปูลาดด้วยเครื่องลาดอันสวยงาม ท่านนั่ง
ดื่ม และกิน อยู่ในวิมานนั้น พิณทิพย์บรรเลงไพเราะ
เหล่าเทพกัญญา ชั้นไตรทศ 64,000 ล้วนแต่ดี ผู้
ชำนาญศิลป์ พากันฟ้อนรำขับร้อง ทำความบันเทิง
อย่างโอฬาร. ท่านบรรลุเทวฤทธิ์ แล้วมีอานุภาพ
มาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะ
* พระสูตร 12 โยชน์.

ถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
บุคคลผู้มีใจเลื่อมใส ในท่านผู้ปฏิบัติตรง เมื่อ
ถวายทานก็เป็นผู้ถวายผลไม้ ย่อมได้ผลอันไพบูลย์.
แต่จริงผู้ถวายผลไม้นั้น ถึงสวรรค์แล้ว ก็บันเทิงใน
สวรรค์ชั้นไตรทิพย์ และเสวยผลบุญอันไพบูลย์.

ข้าแต่ท่านมหามุนี ข้าพเจ้าก็อย่างนั้นเหมือน
กัน ได้ถวายผลมะม่วง 4 ผล.

เพราะฉะนั้น มนุษย์ผู้ต้องการสุข หรือ
ปรารถนาสุขทิพย์ หรือปรารถนาความสวยงามของ
มนุษย์ ก็ควรถวายผลไม้เป็นนิตย์ทีเดียว.

เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้
เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะ
ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอ
บอกท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใด
เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพมากอย่างนี้ และ
วรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรองค์นั้น ก็พยากรณ์แก่ท่านแล้วดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อฏฺฐกฏฺฐกา ได้แก่ หมู่ 8 คูณ 8
รวมเป็น 64 [ 64,000 ] ในห้องรโหฐาน แต่ละห้อง. บทว่า
สาธุรูปา ได้แก่ มีสภาพงามด้วยสมบัติคือรูป สมบัติคือศีลและจรรยา

และสมบัติคือสิกขา. บทว่า ทิพฺพา จ กญฺญา ได้แก่ เหล่าเทพอัปสร.
บทว่า ติทสจรา ได้แก่ ประพฤติเป็นสุข อยู่เป็นสุข ในเหล่าเทพชั้น
ไตรทศ. บทว่า อุฬารา ได้แก่มีสมบัติโอฬาร.
เทวบุตรกล่าวว่า ผลทายu หมายถึงตนเพราะถวายผลมะม่วงด้วย
ตนเอง. บทว่า ผลํ ได้แก่ ผลบุญ. บทว่า วิปุลํ ได้แก่ ได้ผลบุญมาก.
อธิบายว่า ดำรงอยู่ในมนุษยโลก. บทว่า ททํ ได้แก่ เมื่อให้ มีทาน
เป็นเหตุ. บทว่า อุชุคเตสุ แปลว่า ในท่านผู้ปฏิบัติตรง. บทว่า
สคฺคปฺปตฺโต ได้แก่ ไปสวรรค์ โดยอุบัติ และเสวยผลบุญอันไพบูลย์
ในสวรรค์ชั้นไตรทิพย์ คือ ภพดาวดึงส์อันเป็นทิพย์แม้นั้น อธิบายว่า
ถึงคนอื่นก็เหมือนข้าพเจ้า.
บทว่า ตสฺมา ได้แก่ เพราะเหตุที่ประสบสมบัติเช่นนี้ ด้วยเหตุ
เพียงถวายมะม่วง 4 ผล. บทว่า อลเมว แปลว่า ควรโดยแท้. บทว่า
นิจฺจํ ได้แก่ ทุกเวลา. บทว่า ทิพฺพานิ ได้แก่ นับเนื่องในเทวโลก.
บทว่า มนุสฺสโสภคฺคตํ ได้แก่ ความสวยงามในหมู่มนุษย์. คำที่เหลือ
มีนัยที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถาผลทายกวิมาน

4. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน


ว่าด้วยปฐมอุปัสสยทายกวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[68] พระจันทร์ส่องแสงสว่าง อยู่ในนภากาศ
อันปราศจากเมฆฝนฉันใด วิมานของท่านนี้ก็ฉันนั้น
ส่องแสงสว่างอยู่ในอากาศ ท่านบรรลุเทวฤทธิ์ มี
อานุภาพมาก ครั้งเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ข้าพเจ้าและภรรยา เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก
ได้ถวายที่อยู่แก่พระอรหันต์ มีจิตเลื่อมใส เมื่อ
บริจาคข้าวและน้ำ ได้ถวายทานอันไพบูลย์เป็นอัน
มากโดยเคารพ.

เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ
และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบปฐมอุปัสสยทายกวิมาน