เมนู

จึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่
ดีฉันและโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก
ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้ทำบุญใดไว้ เพราะ
บุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบจตุตถปีฐวิมาน

อรรถกถาจตุตถปีฐวิมาน


จตุตถปีฐวิมาน มีคาถาว่า ปีฐนฺเต เวฬุริยมยํ เป็นต้น. เรื่อง
จตุตถปีฐวิมานแม้นั้น ก็เกิดขึ้นในกรุงราชคฤห์ เรื่องนั้นพึงทราบตาม
นัยที่กล่าวมาแล้วในทุติยวิมานนั่นแล. แท้จริง วิมานแก้วไพฑูรย์ บังเกิด
แก่เทวดาแม้องค์นี้ก็เพราะตั่งที่นางปูลาดด้วยผ้าสีเขียวถวายแล้ว. คำที่เหลือ
ก็เหมือนเรื่องที่กล่าวมาแล้วในปฐมวิมาน. ด้วยเหตุนั้น ท่านพระ-
โมคคัลลานะ จึงถามว่า
ดูก่อนเทพธิดาผู้ประดับกาย สวมพวงมาลัย
ทรงพัสตราภรณ์อันสวยงาม วิมานตั่งแก้วไพฑูรย์
ของท่านโอฬาร เร็วดังใจ ไปได้ตามปรารถนา
ท่านส่องแสงประกายคล้ายสายฟ้าแลบลอดหลืบเมฆ.

เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะบุญอะไร ผลนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะ
ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไร เพราะบุญ
อะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทวดาองค์นั้น ถูกท่านพระโมคคัลลานะถาม
ดีใจ ครั้นแล้วก็พยากรณ์ [ ตอบ ] ปัญหาของกรรม
ที่มีผลอย่างนี้ว่า

นี้เป็นผลของกรรมเล็กน้อยของดีฉัน อันเป็น
เหตุให้ดีฉันมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ ดีฉันครั้งเกิด
เป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ในชาติก่อนในมนุษยโลก ได้
พบพระภิกษุผู้ปราศจากกิเลสดุจธุลี ผู้ผ่องใส ไม่
หม่นหมอง ก็เลื่อมใส จึงได้ถวายตั่งแก่ท่าน ด้วย
มือของตนเอง. เพราะบุญนั้น วรรณะของดีฉันจึง
เป็นเช่นนั้น เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน
และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกแก่
ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้ทำบุญใด เพราะ
บุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของดิฉันจึงส่องสว่างไปทุกทิศ.


ก็แม้ในเรื่องนี้ วิมานแก้วไพฑูรย์ บังเกิดแก่เทวดาแม้องค์นี้ ก็
เพราะตั่งที่นางปูลาดด้วยผ้าสีเขียวถวายแล้ว. ด้วยเหตุนั้น ในเรื่องนี้
จตุตถปีฐวิมานจึงมาโดยบาลีว่า ปีฐนฺเต เวฬุริยมยํ วิมานตั่งแก้วไพฑูรย์
ของท่าน ดังนี้เป็นต้น. คำที่เหลือ ก็เช่นเดียวกับตติยปีฐวิมานนั่นแหละ
พึงทราบความตามนัยที่กล่าวแล้วในตติยปิฐวิมานนั้นเหมือนกัน.
จบอรรถกถาจตุตถปีฐวิมาน

5. กุญชรวิมาน


ว่าด้วยกุญชรวิมาน


[5 ] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูราเทพธิดาผู้มีวรรณะดังปทุม มีตากลมดังกลีบ
ปทุม กุญชรพาหะอันประเสริฐของท่าน ประดับ
ประดาด้วยแก้วหลายชนิด น่ารักมีกำลังว่องไว เที่ยว
ไปในอากาศได้ ช่างรุ่งเรืองด้วยพวงดอกปทุมและ
อุบล มีกายเกลื่อนไปด้วยเกสรปทุม มีปทุมทองเป็น
มาลัย เดินทางที่เรียงรายด้วยปทุม ประดับด้วย
กลีบอุบล เดินไปพอดี ๆ วิมานทอง ไม่กระเทือน
เมื่อช้างย่างก้าว กระดิ่งก็ส่งเสียงไพเราะ น่ารื่นรมย์
เสียงกังวานของกระดิ่งเหล่านั้น ได้ยินดังดนตรี 5