เมนู

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทอง
มีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตูคอยเตือนสติให้ระลึก (ถึง
กรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของ
ข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จ
แก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่
ข้าพเจ้า เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
อย่างนี้ และรัศมีของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบกักกฏกรสทายกวิมาน

อรรถกถากักกฏกรสทายกวิมาน


กักกฏกรสทายกวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถฺณํ วิมานํ
เป็นต้น. กักกฏกรสทายกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์
สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเริ่มเจริญวิปัสสนา เกิดโรคปวดหูขึ้นมา ไม่อาจ
ที่จะขวนขวายวิปัสสนาได้ เพราะมีร่างกายไม่สบาย แม้ประกอบยาต่าง ๆ
ตามวิธีที่หมอทั้งหลายบอก โรคก็ไม่สงบ ภิกษุนั้นได้กราบทูลความนั้น
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า โภชนะ
ที่มีรสปูเป็นสัปปายะแก่เขา จึงตรัสแก่ภิกษุรูปนั้นว่า ภิกษุ เธอจงไปเที่ยว
บิณฑบาตที่นาของชาวมคธ.

ภิกษุนั้นคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเห็นการณ์ไกล คงจักทรง
เห็นอะไร ๆ เป็นแน่ จึงทูลรับพระพุทธดำรัสว่า สาธุ พระเจ้าข้า
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ถือบาตรจีวรไปนาของชาวมคธ ได้ยืน
บิณฑบาตที่ประตูกระท่อมของคนเฝ้านาคนหนึ่ง คนเฝ้านานั้น ปรุงอาหาร
รสปูและหุงข้าวแล้ว คิดว่าพักเสียหน่อยหนึ่งแล้วจึงจักกิน นั่งอยู่ เห็น
พระเถระจึงรับบาตร นิมนต์ให้นั่งในกระท่อม ได้ถวายภัตตาหารที่มี
รสปู เมื่อพระเถระฉันภัตตาหารนั้นได้หน่อยหนึ่งเท่านั้น โรคปวดหูก็
สงบ เหมือนอาบน้ำร้อยหม้อ พระเถระนั้นได้ความสบายใจเพราะอาหาร
เป็นสัปปายะ น้อมจิตไปโดยวิปัสสนา ยังฉันไม่ทันเสร็จ ก็ทำอาสวะให้
สิ้นไปโดยไม่เหลือ ตั้งอยู่ในพระอรหัต กล่าวกะคนเฝ้านาว่า อุบาสก
โรคของอาตมาสงบ เพราะฉันบิณฑบาตของท่าน กายและใจสบาย แม้
ท่านก็จักปราศจากทุกข์กายทุกข์ใจ ด้วยผลแห่งบุญของท่านนั้น ทำ
อนุโมทนาแล้วหลีกไป.
สมัยต่อมา คนเฝ้านาตายไปบังเกิดในห้องแก้วไพฑูรย์ ประดับ
ด้วยห้องรโหฐาน 700 ห้อง ในวิมานทองเสาแก้วมณี 12 โยชน์ ใน
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อนึ่ง ที่ประตูของวิมานนั้น มีปูทองอยู่ในสาแหรก
แก้วมุกดา ซึ่งพิสูจน์ถึงกรรมตามที่สั่งสมไว้ ห้อยอยู่ ครั้งนั้น ท่านพระ-
มหาโมคคัลลานะไปในดาวดึงส์นั้น โดยนัยที่กล่าวแล้วก่อน เห็นวิมาน
นั้นแล้ว ได้ถามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ
มีห้องรโหฐาน 700 ห้อง โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์

ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม
กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มี
เบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์
ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะ
ของท่านจึงเป็นเช่นนั้น เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึง
สำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่
ท่าน
.
ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถาม
ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรื่องอย่างนี้
และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรแม้นั้นได้พยากรณ์แก่พระเถระแล้ว เพื่อแสดงความนั้น
พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า
เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทองมี
สิบขา ยืนอยู่ที่ประตู คอยเตือนสติให้ระลึก ( ถึง
กรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้า
จึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า
และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า.

ข้าแก่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่
ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะ

บุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุจฺจํ ได้แก่ ขึ้นสูงไป. บทว่า
มณิถูณํ ได้แก่ เสาแก้วมณีมีปัทมราคทับทิมเป็นต้น. บทว่า สมนฺตโต
ได้แก่ ทั้ง 4 ด้าน. บทว่า รุจกตฺถตา ได้แก่ ลาดด้วยแผ่นทอง
บนพื้นที่นั้น ๆ.
บทว่า ปิวสิ ขาทสิ จ ท่านกล่าวหมายน้ำดื่มที่หอมและสุธาโภชน์
ที่ใช้ตามระยะกาล. บทว่า ปวทนฺติ แปลว่า บรรเลง. บทว่า ทิพฺพา
รสา กาม คุเณตฺถ ปญฺจ
ความว่า เบญจกามคุณไม่น้อย มีรสเป็น
ทิพย์มีอยู่ในที่นี้ คือในวิมานของท่านนี้. บทว่า สุวณฺณฉนฺนา ได้แก่
ประดับด้วยอาภรณ์ทอง.
บทว่า สติสมุปฺปาทกโร ความว่า ทำให้เกิดสติ คือทำให้เกิด
สติในบุญกรรม ซึ่งเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้ทิพยสมบัตินี้ อธิบายว่า ทำให้
เกิดสติอย่างนี้ว่า เจ้าได้สมบัตินี้เพราะถวายอาหารรสปู. บทว่า นิฏฺฐิโต
ชาตรูปสฺส
ได้แก่ สำเร็จแล้วด้วยทอง ชื่อว่า ชาตรูปมยะ ปูชื่อว่า
มีขา 10 เพราะปูนั้นมีขา 10 แบ่งเป็นข้างละ 5 อยู่ที่ประตูย่อมสง่างาม
ปูนั้นแหละประกาศบุญกรรมของข้าพเจ้า แก่เหล่าท่านผู้แสวงหาคุณใหญ่
เช่นท่าน อธิบายว่า ในเรื่องนี้ ไม่มีคำที่ข้าพเจ้าจะต้องพูด ด้วยเหตุนั้น
เทพบุตรจึงกล่าวว่า เตน เม ตาทิโส วณฺโณ เป็นต้น. คำที่เหลือมี
นัยดังกล่าวนาแล้วนั้นแล.
จบอรรถกถากักกฏกรสทายกวิมาน

5. ทวารปาลกวิมาน


ว่าด้วยทวารปาลกวิมาน


วิมานที่ 5

ต่อจากนี้ พึงให้พิสดารเหมือนกักกฏวิมาน
พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[55] วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ
มีห้องรโหฐาน 700 ห้อง โอฬาร ฯ ล ฯ และ
วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า พันปี
ทิพย์เป็นอายุของข้าพเจ้า มีการขับกล่อมด้วยวาจา
ให้เป็นไปด้วยใจ ผู้ทำบุญไว้จักดำรงอยู่ได้ด้วยเหตุ
เพียงเท่านี้ มีความพรั่งพร้อมด้วยกามอันเป็นทิพย์
เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ ฯ ลฯ
และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบทวารปาลกวิมาน

อรรถกถาทวารปาลกวิมาน


ทวารปาลกวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถูณํ เป็นต้น. ทวาร-
ปาลกวิมานเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์