เมนู

2. เรวตีวิมาน


ว่าด้วยเรวตีวิมาน


พระผู้มีพระภาคเจ้า

ตรัสว่า
[52] ญาติมิตรและสหายผู้มีใจดี ย่อมยินดี
ต้อนรับบุคคลผู้ร้างแรมไปนาน แล้วกลับมาโดย
สวัสดีจากที่ไกล ฉันใด แม้บุญที่ทำแล้ว ก็ฉันนั้น
บุญทั้งหลายย่อมต้อนรับบุคคลผู้ทำบุญ ผู้ไปจาก
โลกนี้สู่โลกอื่น เหมือนญาติต้อนรับญาติที่รักผู้กลับ
มาฉะนั้น.

ยักษ์สองคนกล่าวกะนางเรวดีว่า
ลุกขึ้น แม่เรวดี ตัวชั่วร้ายผู้ไม่ปิดประตู
(นรก) ผู้มีปกติไม่ให้ทาน เราจักนำเจ้าไปในที่ที่
พวกสัตว์นรก ผู้ตกยาก เพียบด้วยทุกข์ ต้องถอน
ใจอยู่.

พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า
ยักษ์ใหญ่นัยน์ตาแดงสองตนนั้น เป็นทูตของ
พญายม กล่าวดังนี้ทีเดียว แล้วจับแขนนางเรวดี
คนละข้าง นำเข้าไปใกล้หมู่เทวดา.

นางเรวดีถามยักษ์สองตนว่า

วิมานงาม มีรัศมีดังดวงอาทิตย์ งามสว่างจ้า
คลุมด้วยข่ายทอง มีเทพอัปสรเกลื่อนกลาด นั่นเป็น
วิมานของใคร รุ่งเรืองเพียงแสงอาทิตย์ หมู่เทพนารี
ไล้ทาด้วยแก่นจันทน์ ทำวิมานให้งดงามทั้งสองด้าน
วิมานนั้นปรากฏมีรัศมีเสมอดวงอาทิตย์ ใครขึ้น
สวรรค์บันเทิงอยู่ในวิมาน.

ยักษ์เหล่านั้นได้บอกแก่นางเรวดีว่า
ในกรุงพาราณสี มีอุบาสกชื่อนันทิยะ เป็น
คนไม่ตระหนี่ เป็นทานบดี เป็นผู้รู้ถ้อยคำ วิมานที่
มีอัปสรเกลื่อนกลาด รุ่งเรืองเพียงแสงอาทิตย์ นี้เป็น
ของอุบาสกนั้น หมู่เทพนารีไล้ทาด้วยแก่นจันทน์
ทำให้วิมานงดงามทั้งสองด้าน วิมานนั้นปรากฏมี
รัศมีเสมอดวงอาทิตย์ นันทิยะอุบาสกนั้น ขึ้นสวรรค์
บันเทิงอยู่ในวิมาน.

นางเรวดีกล่าวว่า
ดีฉันเป็นภรรยาของนันทิยะ เป็นเจ้าของเรือน
เป็นใหญ่ของตระกูลทั้งหมด บัดนี้ ดีฉันจักยินดีใน
วิมานของสามี ไม่ปรารถนาเห็นนรก.

ยักษ์เหล่านั้นกล่าวว่า
แน่ะนางตัวชั่วร้าย นี่แหละนรกของเจ้า เจ้า
ไม่ทำบุญในมนุษยโลก ด้วยว่า คนตระหนี่ โกรธ

เคือง มีบาปธรรม ย่อมไม่ได้ความเป็นสหายของผู้
ขึ้นสวรรค์.

นางเรวดีถามนิรยบาลว่า
คูถ มูตร และของไม่สะอาด เห็นกันได้
เฉพาะหรือหนอ อุจจาระนี้มีกลิ่นเหม็นหรือ มันฟุ้ง
ไปได้หรือ.

นิรยบาลกล่าวว่า
นรกนี้ชื่อสังสวกะ ลึกชั่วร้อยบุรุษ เป็นนรกที่
เจ้าจะต้องหมกไหม้อยู่หลายพันปี นะเรวดี.

นางเรวดีถามว่า
ดีฉันทำกรรมชั่วด้วยกาย วาจา ใจ หรือหนอ
ดีฉันได้นรกสังสวกะ ลึกชั่วร้อยบุรุษ เพราะบาป
กรรมอะไร.

นิรยบาลกล่าวว่า
เจ้าหลอกลวงสมณะ พราหมณ์ และวณิพก
ทั้งหลาย ด้วยมุสาวาท เจ้าทำบาปนั้นไว้ เพราะ
บาปนั้น เจ้าจึงได้นรกสังสวกะ ลึกชั่วร้อยบุรุษ
เจ้าจะต้องหมกไหม้อยู่ในนรกนั้นหลายพันปี นะเรวดี
นิรยบาลทั้งหลายตัดมือและเท้า ตัดหูและจมูก และ
ยังมีฝูงกามารุมจิกกินเจ้าที่ดิ้นรนอยู่.

นางเรวดีกล่าวว่า

โปรดเถิด ขอท่านทั้งหลายช่วยนำดีฉันกลับ
ดีฉันจักกระทำบุญให้มาก ด้วยทาน สมจริยา สัญญมะ
และทมะ ที่คนทั้งหลายทำแล้วจะมีความสุข และ
ไม่ต้องเดือดร้อนภายหลัง.

นิรยบาลกล่าวว่า
เมื่อก่อนเจ้าประมาทแล้ว บัดนี้คร่ำครวญอยู่
เจ้าจักเสวยวิบากแห่งกรรมทั้งหลาย ที่เจ้าทำไว้เอง.

นางเรวดีกล่าวว่า
ใครจากเทวโลกไปสู่มนุษยโลก ถูกถามแล้ว
พึงกล่าวคำของดีฉันอย่างนี้ว่า ขอท่านทั้งหลายจง
ถวายทาน ผ้านุ่งห่ม ที่นอน ข้าว น้ำ ในสมณ-
พราหมณ์ ผู้วางอาชญาแล้ว ด้วยว่า คนตระหนี่
โกรธเคือง มีบาปธรรม ย่อมไม่ได้ความเป็นสหาย
ของผู้ขึ้นสวรรค์.

ดีฉันนั้นไปจากที่นี้ ได้กำเนิดเป็นมนุษย์แล้ว
จักเป็นผู้รู้ถ้อยคำของผู้ขอทาน สมบูรณ์ด้วยศีล จัก
กระทำกุศลให้มาก ด้วยทาน สมจริยา สัญญมะ
และทมะแน่.

ดีฉันจักปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น จักตัดทางเข้ารูป
ในที่ที่เดินไปลำบาก จักขุดบ่อและตั้งน่าดื่มไว้ ด้วย
ใจที่ผ่องใส.

ดีฉันจักเข้าจำอุโบสถประกอบด้วยองค์แปด
ตลอด 14 ค่ำ 15 ค่ำ 8 ค่ำ แห่งปักษ์ และตลอด
ปาฏิหาริยปักษ์ สำรวมในศีลทุกเมื่อ และจักไม่
ประมาทในทาน ผลกรรมนี้ ดิฉันเห็นแล้วด้วยตนเอง.

ลำดับนั้น พวกนิรยบาลได้โยนนางเรวดีผู้กำลัง
รำพันเพ้อดิ้นรนอยู่อย่างนั้น จากที่นั้น ลงนรกที่น่ากลัว
หัวลงดินตีนชี้ฟ้า ด้วยประการฉะนี้.

นางเรวดีกล่าวในที่สุดว่า
เมื่อก่อน ดีฉันเป็นคนตระหนี่ บริภาษสมณ-
พราหมณ์ และหลอกลวงสามีด้วยเรื่องไม่จริง จึง
หมกไหม้ในนรกที่น่ากลัว ดังนี้.

จบเรวตีวิมาน

อรรถกถาเรวตีวิมาน


เรวตีวิมาน มีความว่า อุฏฺเฐหิ เรวเต สุปาปธมฺเม เป็นต้น
เรวตีวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุง
พาราณสี สมัยนั้น ตระกูลที่สมบูรณ์ด้วยศรัทธาในกรุงพาราณสี มีบุตร
ชื่อนันทิยะ เป็นอุบาสก ถึงพร้อมด้วย ศรัทธา เป็นทายก เป็นทานบดี
เป็นผู้บำรุงพระสงฆ์ ครั้งนั้น บิดามารดาของเขามีความประสงค์จะนำ