เมนู

12. รัชชุมาลาวิมาน


ว่าด้วยรัชชุมาลาวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพธิดาองค์หนึ่งว่า
[50] ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม
กรีดกรายมือและเท้าฟ้อนรำได้เหมาะเจาะ ในเมื่อ
ดนตรีบรรเลงอยู่อย่างไพเราะ เมื่อท่านนั้นร่ายรำอยู่
เสียงทิพย์อันน่าฟังน่ารื่นรมย์ใจ ก็เปล่งออกจาก
อวัยวะน้อยใหญ่ทั่วสรรพางค์ เมื่อท่านนั้นร่ายรำอยู่
กลิ่นทิพย์ที่มีกลิ่นอันหอมหวนน่ารื่นรมย์ใจ ก็ฟุ้งขจร
ไปจากอวัยวะน้อยใหญ่ทั่วสรรพางค์ เครื่องประดับที่
มวยผมที่แกว่งไกวไปมาตามกาย ก็เปล่งเสียงกังวาน
ให้ได้ยิน ปานประหนึ่งว่า ดนตรีเครื่อง 5 เทริดที่
ถูกลมกระพือพัดอ่อนไหวไปมาตามสายลม ก็เปล่ง
เสียงกังวานให้ได้ยิน ปานประหนึ่งว่า ดนตรีเครื่อง 5
เช่นกัน พวงมาลัยประดับเศียรของท่านมีกลิ่นหอม
น่ารื่นรมย์ใจ ก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบไปทุกทิศ ดังหนึ่ง
ต้นมัญชูสกะ (เห็นชื่อต้นไม้สวรรค์ ว่ามีกลิ่นหอม
ยิ่งนัก) ท่านได้สูดดมกลิ่นหอมนั้น ทั้งได้เห็นรูป
อันมิใช่ของมีอยู่ในมนุษย์ ดูก่อนเทวดา อาตมา
ถามท่าน ขอท่านได้โปรดบอกว่า นี้เป็นผลของ
กรรมอะไร.

เทพธิดานั้นตอบว่า
ในชาติก่อนดีฉันเกิดเป็นทาสีในบ้าน ชื่อคยา
ของพราหมณ์ มีบุญน้อยไม่มีวาสนา คนทั้งหลาย
เรียกชื่อดีฉันว่า รัชชุมาลา ดีฉันเศร้าเสียใจมาก
เพราะถูกขู่เข็ญของผู้ที่ด่าทอและตบตี จึงถือเอา
หม้อน้ำออกไป ทำเป็นเหมือนจะไปตักน้ำ ครั้นแล้ว
ได้วางหม้อน้ำไว้ข้างทาง เข้ารูปยังป่าชัฏด้วยคิดว่า
เราจักตายในป่านี้แหละ จะมีประโยชน์อะไรเล่า
ด้วยการเป็นอยู่ของเรา ดังนี้ แล้วจึงผูกเชือกเป็น
บ่วงให้แน่น แล้วเหวี่ยงไปยังต้นไม้ ทีนั้น ก็มองดู
ไปรอบทิศว่า จะมีใครไหมหนอ อาศัยอยู่ในป่าบ้าง
ในที่นั้นดีฉันได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้เป็นมุนีบำเพ็ญ
ประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ ประทับนั่งที่โคนต้นไม้
ทรงเพ่งพินิจอยู่ มิได้ทรงมีภัยแต่ที่ไหน ๆ ความ
สังเวชใจทำให้เกิดขนพองสยองเกล้าอย่างไม่เคยมี
ได้มีแก่ดิฉันนั้นว่า ใครหนอแลมาอยู่ในป่านี้ เป็น
เทวดาหรือมนุษย์กันแน่ ใจของดีฉันเลื่อมใสแล้ว
เพราะได้เห็นพระองค์ผู้น่าเลื่อมใส ควรแก่ความ
เลื่อมใส เสด็จออกจากป่า ( คือกิเลส ) บรรลุถึง
นิพพานอันปราศจากป่าแล้ว ท่านผู้นี้มิใช่คนธรรมดา
สามัญเลย ท่านผู้นี้มีอินทรีย์อันคุ้มครองแล้ว ยินดี
ในฌาน มีใจไม่วอกแวกไปตามอารมณ์ภายนอก


ทรงเกื้อกูลโลกทั้งมวล จักต้องเป็นพระพุทธเจ้าแน่
ท่านผู้นี้เป็นที่หวาดหวั่นของเหล่าผู้มิจฉาทิฏฐิ หาผู้
เข้าใกล้ได้ยาก ดุจดังราชสีห์อาศัยอยู่ในถ้ำ ท่าน
ผู้นี้ยากที่จะได้เห็น เหมือนดอกมะเดื่อ พระตถาคต
นั้น ตรัสเรียกดีฉันด้วยพระดำรัสอันอ่อนหวานว่า
นี่แน่ะ รัชชุมาลา พระองค์ท่านได้ตรัสกะดีฉันว่า
เธอจงถึงตถาคตเป็นที่พึ่ง ดีฉันได้ฟังพระดำรัสอัน
ปราศจากโทษ ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นวาจา
สะอาด นิ่มนวล อ่อนโยน ไพเราะ ที่จะบรรเทา
ความโศกทั้งปวงได้นั้นแล้ว พระตถาคตผู้ทรงบำเพ็ญ
ประโยชน์แก่โลกทั้งปวง ทรงทราบว่า ดีฉันมีจิต
อาจหาญดีแล้ว จึงทรงสั่งสอนดีฉันผู้เลื่อมใส มีใจ
ใสสะอาดแล้ว พระองค์ได้ตรัสกะดีฉันว่า นี้ทุกข์
นี้เหตุเกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางตรงให้ถึง
อมตะ ดีฉันตั้งตนอยู่ในพระโอวาทของพระองค์ผู้
ทรงเอ็นดู เฉลียวฉลาด จึงได้บรรลุทางนิพพาน
อันเป็นอมตะ สงบ ไม่มีการจุติ ดีฉันนั้น มีความรัก
ตั้งอยู่มั่นคงแล้ว ไม่มีที่จะหวั่นไหวในเรื่องทัสสนะ
เป็นธิดาผู้บังเกิดในพระอุระของพระพุทธองค์ ด้วย
ศรัทธาที่หยั่งรากลงแล้ว ดีฉันนั้นรื่นรมย์เที่ยวเล่น
บันเทิงใจอยู่ ไม่มีสิ่งน่ากลัวแต่ที่ไหน ๆ ทัดทรง
พวงมาลัยทิพย์ ได้ดื่มน้ำหวานหอมที่ทำให้ร่างกาย

กระปรี้กระเปร่า นางฟ้านักดนตรีนับได้หกหมื่น
กระทำการขับกล่อมดีฉันอยู่ เหล่าเทพบุตรมีชื่อ
ต่าง ๆ กัน คือ ชื่ออาฬัมพะ ชื่อคัคคระ ชื่อภีมะ
ชื่อสาชุวาที ชื่อสังสยะ ชื่อโปกขระ ชื่อสุผัสสะ
และเหล่าอัปสรมีชื่อว่าวีณา ชื่อโมกขา ชื่อนันทา
ชื่อสุนันทา ชื่อโสณทินนา ชื่อสุจิมหิตา ชื่อลัมพุสา
ชื่อมิสสเกสี ชื่อปุณฑรีกา ชื่ออติทารุณี ชื่อเอณิปัสสา
ชื่อสุปัสสา ชื่อสุภัททา ชื่อมุทุกาวที เหล่านี้ล้วน
แต่เลิศกว่าอัปสรทั้งหลายในการขับกล่อม เทวดา
เหล่านั้นเข้าไปหาดีฉันตามเวลา แล้วกล่าวเชิญชวน
ว่า มาเถิด พวกเราจะฟ้อนรำ จะขับร้อง จะทำ
ให้ท่านร่าเริง ที่นี้มิใช่ที่ของผู้มิได้ทำบุญไว้ แต่เป็น
ที่ของผู้ทำบุญไว้ สวนมหาวันของเทพยเจ้าทั้งหลาย
เป็นที่ไม่เศร้าโศก เป็นที่น่าบันเทิง น่ารื่นรมย์
สำหรับผู้ที่มิได้ทำบุญไว้ สุขไม่มีในโลกนี้และโลก
หน้า สุขในโลกนี้และโลกหน้าจะมีแก่คนทำบุญไว้
ผู้มีความประสงค์อยู่ร่วมกับเทพเหล่านั้น ควรกระทำ
กุศลให้มากไว้ เพราะผู้ที่มีบุญอันทำไว้แล้ว ย่อม
พรั่งพร้อมด้วยโภคสมบัติ บันเทิงในสวรรค์ พระ-
ตถาคตทั้งหลายเป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน เป็นบ่อเกิด
แห่งบุญเขตของมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอุบัติขึ้นมาเพื่อ

ประโยชน์แก่ชนหมู่มากจริงหนอ ที่ทายกกระทำบุญ
ในท่านแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์.

จบรัชชุมาลาวิมาน

อรรถกถารัชชุมาลาวิมาน


รัชชุมาลาวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน เป็นต้น.
รัชชุมาลาวิมานนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี.
สมัยนั้น พราหมณ์คนหนึ่งในหมู่บ้านคยาได้ให้ธิดา แก่บุตรพราหมณ์
คนหนึ่งในบ้านนั้นเอง นางไปมีสามีแล้ว ตั้งตนเป็นใหญ่ในเรือนนั้น
นางเห็นลูกสาวทาสีในเรือนนั้นแล้วไม่ชอบหน้า นับแต่เห็นมา นางก็
แสดงอาการฮึดฮัดด่าว่าด้วยความโกรธ และชูกำหมัดแก่ลูกสาวทาสีนั้น
เมื่อลูกสาวทาสีเติบโตขึ้นพอจะทำการงานได้ นางก็ใช้เข่า ศอก กำหมัด
ทุบตีเธอ เหมือนผูกอาฆาตกันมาในชาติก่อน ๆ หลายชาติทีเดียว.
เล่ากันมาว่า ทาสีนั้นได้เป็นนายของนาง ครั้งพระทศพลพระนาม
ว่ากัสสปะ ส่วนนางเป็นทาสี เธอทุบต่อยทาสีนั้นด้วยก้อนดินและกำหมัด
เป็นต้นเนือง ๆ ทาสีเหนื่อยหน่ายเพราะการกระทำนั้น ได้กระทำบุญ
ทั้งหลายมีให้ทานเป็นต้นตามกำลัง ตั้งความปรารถนาว่า ในอนาคตกาล
ขอเราพึงเป็นนายมีความเป็นให้เหนือหญิงนี้.