เมนู

อะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทวดานั้น ถูกพระโมคคัลลานะตามแล้ว ดีใจ
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในมนุษยโลก ดีฉันได้ถวาย
อาสนะแก่หมู่ภิกษุผู้มาสู่เรือน ได้อภิวาท กระทำ
อัญชลี และถวายทานตามกำลัง เพราะบุญนั้น ดีฉัน
จึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่
ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแต่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดิฉันขอบอกแก่
ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้ทำบุญใดไว้ เพราะ
บุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบทุติยปีฐวิมาน

อรรถกถาทุติยปีฐวิมาน


ทุติยปีฐวิมาน มีคาถาว่า ปีฐนฺเต เวฬุริยมยํ เป็นต้น. เหตุเกิด
เรื่อง [ อัตถุปปัตติ ] และการพรรณนาควานของทุติยปีฐวิมานนั้นพึงทราบ
ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในปฐมปีฐวิมานนั่นแล ส่วนความต่างกันมีดังนี้
ดังได้สดับมา สตรีผู้หนึ่งเป็นชาวกรุงสาวัตถี เห็นพระเถระรูปหนึ่ง

เข้ามาบิณฑบาตยังเรือนของตน มีจิตเลื่อมใส เมื่อจะถวายอาสนะแก่
พระเถระรูปนั้น ก็เอาผ้าสีเขียวลาดบนตั่งของตนถวาย. ด้วยปีฐทานนั้น
วิมานบัลลังก์สำเร็จด้วยแก้วไพฑูรย์ก็บังเกิดแก่นาง ซึ่งบังเกิดในเทวโลก.
ด้วยเหตุนั้น ท่านพระโมคคัลลานะจึงถามว่า
ดูก่อนเทพธิดาผู้ประดับองค์ ทรงพวงมาลัย ทรง
พัสตราภรณ์อันสวยงาม วิมานตั่งแก้วไพฑูรย์ของ
ท่านโอฬาร เร็วดังใจ ไปได้ตามปรารถนา ท่าน
ส่องแสงประกายคล้ายสายฟ้าแลบลอดหลืบเมฆ
เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนั้น เพราะ
บุญอะไร ผลนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่าง
ที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ท่านทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของ
ท่านจึงส่องสว่างไปทุกทิศ.

เทวดานั้น ถูกท่านพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ดีใจ ก็พยากรณ์ตอบปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ดีฉันได้ถวาย
อาสนะแก่ภิกษุที่มาถึงเรือน ได้กราบไหว้ ได้กระทำ
อัญชลีประนมมือ และได้ถวายทานตามกำลัง. เพราะ
บุญนั้น วรรณะของดีฉันจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น

ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึง
เกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกแก่
ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้กระทำบุญอันใด
เพราะบุญอันนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และวรรณะของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เวฬุริยมยํ แปลว่า สำเร็จด้วย
แก้วไพฑูรย์. แก้วมณีที่เกิดขึ้นไม่ไกลหมู่บ้านวิฬูร แห่งภูเขาวิฬูระ
ชื่อว่า แก้วไพฑูรย์. เขาว่าแก้วไพฑูรย์นั้น มีบ่อเกิดอยู่ที่หมู่บ้านวิฬูระ.
แต่เพราะเกิดไม่ไกลหมู่บ้านวิฬูระ จึงปรากฏชื่อว่า เวฬุริยะ แก้วไพฑูรย์.
แม้ในเทวโลก แก้วไพฑูรย์นั้น ก็มีชื่ออย่างนั้น เพราะมีประกายแห่ง
สีเช่นเดียวกับแก้วไพฑูรย์นั้น เหมือนอย่างชื่อของเหล่าเทพบุตรใน
เทวโลก ก็โดยได้ชื่อมาในมนุษยโลก. ก็แก้วไพฑูรย์นั้น มีสีคล้ายขนคอ
นกยูงก็มี มีสีคล้ายใบมะคำดีควายก็มี มีสีคล้ายใบไผ่อันสนิทก็มี. ส่วนใน
ที่นี้ พึงทราบว่ามีสีคล้ายขนคอนกยูง. คำที่เหลือทั้งหมด ก็เช่นคำที่
กล่าวมาแล้วในปฐมปีฐวิมานแล.
จบอรรถกถาทุติยปีฐวิมาน

3. ตติยปีฐวิมาน


ว่าด้วยวิมานตั่งทอง


[3] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทพธิดาผู้มีกายอันประดับแล้ว ทรงมาลัย
ทรงพัสตราภรณ์สวยงาม วิมานตั่งทองของท่านโอฬาร
เร็วดังใจไปได้ตามปรารถนา ท่านจึงส่องแสงประกาย
ดังสายฟ้าแลบลอดหลืบเมฆ เพราะบุญอะไร ท่านจึง
มีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลนี้จึงสำเร็จแก่
ท่าน อนึ่ง โภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญ
อะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทวดานั้น ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ดีใจ
ได้พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

นี้เป็นผลกรรมอันน้อยของดีฉันที่เป็นเหตุให้ดีฉัน
มีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ ดีฉันครั้งเกิดเป็นมนุษย์ใน
หมู่มนุษย์ ในมนุษยโลกในชาติก่อน ได้เห็นภิกษุผู้
ปราศจากกิเลสดุจธุลี ผู้ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว ก็เลื่อมใส
ได้ถวายตั่งแก่ท่านด้วยมือทั้งสองของตน เพราะบุญ