เมนู

ทรงแสดงสามุกังสิกธรรมเทศนายกขึ้นแสดงเอง ( ไม่ต้องปรารภคำถาม
เป็นต้นของผู้ฟัง ได้แก่เทศนาเรื่องอริยสัจ ). บทว่า วิชานิสฺสํ ความว่า
จักแทงตลอดอริยสัจ 4.
บทว่า อปฺปายุกี ความว่า เป็นผู้มีอายุน้อย เพราะกรรมสิ้นสุด
ดุจที่เกิดต่อเนื่องกันว่า เพราะทำบุญอันโอฬารเช่นนี้ ท่านจึงไม่ต้องดำรง
อยู่อย่างนี้ในอัตภาพมนุษย์ที่มากไปด้วยความทุกข์นี้. บทว่า อญฺญตรา
ปชาปติ
ความว่า เป็นปชาบดี องค์หนึ่ง บรรดาปชาบดีหมื่นหกพันองค์
[ของท้าวสักกะ]. บทว่า ทิสาสุ วิสฺสุตา ความว่า ปรากฏ คือ รู้จัก
ทั่วไปในทิศทั้งปวง ในเทวโลกทั้งสอง. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้ว
นั่นแล.
จบอรรถกถานาควิมาน

4. อโลมวิมาน


ว่าด้วยอโลมวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพธิดาองค์หนึ่งว่า
[42] ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามเปล่ง
รัศมีสว่างไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก เพราะ
บุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร
ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารัก
จึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอ
ถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไร
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
รัศมีจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดานั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรม ที่มีผลอย่างนี้ว่า

ดีฉันอยู่ในกรุงพาราณสี มีจิตเลื่อมใส ได้ถวาย
ขนมแห้ง แด่พระพุทธเจ้าผู้เผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ ด้วย
มือของตน ขอพระคุณเจ้าโปรดดูผลของชิ้นขนมแห้ง
อันหารสเค็มมิได้ ครั้นเห็นว่าถวายขนมแห้งไม่เค็ม
แล้วได้ความสุข ใครเล่าจักไม่ทำบุญ เพราะบุญนั้น
ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึง
สำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารัก จึงเกิดแก่
ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก
แก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้กระทำบุญใด
ไว้ เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และรัศมีจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบอโลมวิมาน

อรรถกถาอโลมวิมาน


อโลมวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน เป็นต้น. อโลมวิมาน
นั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุง-
พาราณสี เวลาเช้าทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑ-
บาตยังกรุงพาราณสี. ในกรุงพาราณสีนั้น มีหญิงเข็ญใจคนหนึ่งชื่อ
อโลมา เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วเลื่อมใส ไม่เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย
นางคิดว่า ของที่ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้เช่นนี้ ก็จักมีผลมากแก่
เรา จึงน้อมถวายขนมแห้งไม่เค็มมีผิวราน. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับ
ขนมนั้น. นางได้ยึดทานนั้นเป็นอารมณ์ เสวยโสมนัสความดีใจ กาล
ต่อมา นางตายบังเกิดในภพดาวดึงส์. ท่านพระมหาโมคคัลลานะถามนางว่า
ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม เปล่งรัศมี
สว่างไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญ
อะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอัน
นี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารัก จึง
เกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถาม
ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไร เพราะ
บุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมี
จึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดาแม้นั้นได้ตอบปัญหาแก่พระเถระแล้ว. เพื่อจะแสดงข้อนั้น
พระสังคีติกาจารย์จึงกล่าวว่า