เมนู

นั้นด้วยธรรม ที่พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระธรรมราชา
ทรงแสดงดีแล้ว ทวยเทพที่มีศรัทธาความเชื่อใน
พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ
ก็รุ่งโรจน์ล้ำดีฉัน โดยอายุ ยศ สิริ ทวยเทพอื่น ๆ
ก็ยิ่งยวดกว่า โดยอำนาจและวรรณะ มีฤทธิ์มาก
กว่าดีฉัน.

จบปภัสสรวิมาน

อรรถกถาปภัสสรวิมาน


ปภัสสรวิมาน มีคาถาว่า ปภสฺสรวรวณฺณนิเภ เป็นต้น. วิมาน
นั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่กรุงราชคฤห์. สมัยนั้น อุบาสกคน
หนึ่งในกรุงราชคฤห์ ได้เลื่อมใสในพระมหาโมคคัลลานเถระเป็นอย่างยิ่ง
ธิดาของเขาคนหนึ่งมีศรัทธาปสาทะ นางมีความเคารพนับถือในพระเถระ
มาก. อยู่มาวันหนึ่ง ท่านพะระมหาโมคคัลลานะเที่ยวบิณฑบาตในกรุง
ราชคฤห์เข้าไปยังตระกูลนั้น. นางเห็นพระเถระแล้วเกิดโสมนัส ปูลาด
อาสนะ เมื่อพระเถระนั่งบนอาสนะนั้นแล้ว นางบูชาด้วยมาลัยดอกมะลิ
แล้วเอาน้ำอ้อยงบหวานอร่อยเกลี่ยลงในบาตรของพระเถระ พระเถระประ-
สงค์จะอนุโมทนาจึงได้นั่ง. นางแจ้งให้ทราบเรื่องที่ฆราวาสไม่มีโอกาส
(จะฟัง) เพราะมีกิจมาก กล่าวว่าดีฉันจักฟังธรรมในวันอื่น ไหว้พระ-
เถระแล้วส่งไป. และในวันนั้นเอง นางตายไปบังเกิดในดาวดึงส์. ท่าน

พระมหาโมคคัลลานะเข้าไปพบนาง ได้ถามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ดูก่อนเทพธิดาผู้งาม มีรัศมีงามผุดผ่องยิ่งนัก
นุ่งผ้าสีแดงงาม มีฤทธิ์มาก มีร่างกายงามลูบไล้ด้วย
จุณจันทน์ ท่านเป็นใครมาไหว้อาตมาอยู่ อนึ่ง ท่าน
นั่งบนบัลลังก์ใด ย่อมไพโรจน์ ดังท้าวสักกเทวราช
ในนันทนวโนทยานบัลลังก์ของท่านนั้นมีค่ามาก งาม
วิจิตรด้วยรัตนะต่าง ๆ ดูก่อนเทพธิดาผู้เจริญ เมื่อ
ชาติก่อน ท่านได้สร้างสมสุจริตอะไร ได้เสวยวิบาก
แห่งกรรมอะไรในเทวโลก อาตมาถามแล้ว ขอท่าน
โปรดบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปภสฺสรวรวณฺณเนิเภ ความว่า ชื่อว่า
นิภา เพราะอรรถว่า สว่าง คือ ส่องแสง. แสงสว่างคือ วัณณา
ชื่อว่า วัณณนิภา. เทพธิดาชื่อว่า มีรัศมีงามผุดผ่องยิ่งนัก เพราะเธอ
มีแสงสว่างคือวัณณะประภัสสร เพราะสว่างเหลือเกิน ประเสริฐคือสูงสุด
ร้องเรียก [ คำอาลปนะ ]. บทว่า สุรตฺตวตฺถนิวาสเน แปลว่า นุ่งผ้า
สีแดงงาม. บทว่า จนฺทนรุจิรคตฺเต ได้แก่ มีองค์งามเหมือนลูบไล้ด้วย
จุณไม้จันทน์. อธิบายว่า ทุกส่วนแห่งเรือนร่างน่ารักน่าพึงใจ ดุจลูบไล้
ด้วยจันทน์ เทศหนา ๆ หรือมีร่างกายงดงาม เพราะลูบไล้ด้วยจุณไม้จันทน์.
พระเถระถามอย่างนี้แล้ว เทพธิดาได้พยากรณ์ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดีฉันได้ถวายพวงมาลัยและ
น้ำอ้อยแด่พระคุณเจ้าผู้เที่ยวบิณฑบาตอยู่ ดีฉันจึง
ได้เสวยผลแห่งกรรมนั้นในเทวโลก ข้าแต่ท่านผู้
เจริญ แต่ดีฉันยังมีความเดือดร้อน ผิดพลาด เป็น
ทุกข์ เพราะดีฉันไม่ได้ฟังธรรม อันพระพุทธเจ้าผู้
เป็นธรรมราชาทรงแสดงดีแล้ว ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
เพราะเหตุนั้น ดีฉันจึงมากราบเรียนพระคุณเจ้า ซึ่ง
เป็นผู้ควรอนุเคราะห์ดีฉัน โปรดชักชวนผู้ที่ควร
อนุเคราะห์นั้นด้วยธรรม ที่พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระ-
ธรรมราชาทรงแสดงดีแล้ว ทวยเทพที่มีศรัทธาความ
เชื่อในพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระ-
สังฆรัตนะ ก็รุ่งโรจน์ล้ำดีฉัน โดยอายุ ยศ สิริ
ทวยเทพอื่น ๆ ก็ยิ่งยวดกว่า โดยอำนาจและวรรณะ
มีฤทธิ์มากกว่าดีฉัน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มาลํ ได้แก่ ดอกมะลิ. บทว่า
ผาณิตํ ได้แก่ น้ำอ้อยที่เอารสคือนำของอ้อยทำ.
บทว่า อนุตาโป ได้แก่ ความร้อนใจ. เทพธิดากล่าวเหตุแห่ง
ความร้อนใจว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ แต่ดีฉันยังมีความเดือดร้อน ผิดพลาด
เป็นทุกข์ ดังนี้. บัดนี้เทพธิดาแสดงเหตุโดยสรุปว่า ดีฉันนั้นไม่ได้
ฟังธรรม. ในกาลนั้น ดีฉันนั้นไม่ได้ฟังธรรมของท่านผู้ประสงค์จะแสดง.
เช่นไร คือ ที่พระธรรมราชาทรงแสดงดีแล้ว. บทว่า สุเทสิตํ ธมฺมราเชน

ความว่า อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสดีแล้ว เพราะเป็นธรรมงามใน
เบื้องต้นเป็นต้น และเพราะเป็นธรรมนำสัตว์ออกจากทุกข์โดยส่วนเดียว.
บทว่า ตํ ความว่า เพราะเหตุนั้น คือเพราะเป็นธรรมที่พระ-
พุทธเจ้าผู้เป็นธรรมราชาทรงแสดงดีแล้ว และเพราะการไม่ได้ฟังเป็นเหตุ
แห่งความเดือดร้อนสำหรับคนเช่นพวกเรา. บทว่า ตํ ได้แก่ ตุวํ
แปลว่า ท่าน อธิบายว่า แก่ท่าน. บทว่า ยสฺส ตัดบทเป็น โย อสฺส.
บทว่า อนุกมฺปิโย แปลว่า ควรอนุเคราะห์. บทว่า โกจิ ได้แก่
คนใดคนหนึ่ง. บทว่า ธมฺเมสุ ได้แก่ ในธรรมมีศีลเป็นต้น ปาฐะว่า
ธมฺเมหิ ก็มี ความว่า ในศาสนธรรม. บทว่า หิ เป็นเพียงนิบาต
หรือเป็นวจนวิปลาส. บทว่า ตํ ได้แก่ บุคคลที่พึงอนุเคราะห์ บทว่า
สุเทสิตํ ได้แก่ ที่ทรงแสดงแล้วด้วยดี.
บทว่า เต มํ อติวิโรจนฺติ ความว่า เทพบุตรผู้เลื่อมใสในพระ-
รัตนตรัยอย่างยิ่งเหล่านั้น ย่อมรุ่งโรจน์ล้ำดีฉัน. บทว่า ปตาเปน ได้แก่
ด้วยเดช คืออานุภาพ. บทว่า อญฺเญ ได้แก่ เหล่าใดอื่น. บทว่า
มยา เป็นตติยาวิภัตติ ใช้ในอรรถแห่งปัญจมีวิภัตติ. เทพธิดาแสดงว่า
ทวยเทพ ผู้มีวรรณะยิ่งกว่า และมีฤทธิ์มากกว่า [ ดีฉัน ]. ทวยเทพ
เหล่านั้น ล้วนแต่เลื่อมใสอย่างยิ่งในพระรัตนตรัยทั้งนั้น คำที่เหลือมีนัย
ดังกล่าวนั้นนั่นแล.
จบอรรถกถาปภัสสรวิมาน

3. นาควิมาน


ว่าด้วยนาควิมาน


พระวังคีสเถระถามเทพธิดาองค์หนึ่งว่า
[41] ท่านประดับองค์แล้ว ขึ้นนั่งคชสารตัวประ-
เสริฐ ซึ้งมีขนาดใหญ่ งามไปด้วยแก้วและทองวิจิตร
ด้วยข่ายทอง ผูกสายรัดประคนเรียบร้อย เลื่อนลอย
ในอากาศเวหามาในที่นี้ ที่งาทั้งสองของคชสารมี
สระโบกขรณีที่เนรมิตไว้ มีน้ำใสสะอาดดาดาษไป
ด้วยดอกปทุมบานสะพรั่ง ดอกปทุมทั้งหลาย มี
หมู่เทพอัปสรนักดนตรีพากันมาขับร้องประสานเสียง
และฟ้อนรำ ชวนให้เกิดความประทับ ดูก่อน
เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ท่านบรรลุเทวฤทธิ์แล้ว
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะ
บุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทั่วทิศ.

เทพธิดานั้นตอบว่า
ดีฉันได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่กรุงพาราณสี ได้
ถวายผ้าคู่แด่พระพุทธเจ้า ถวายบังคมพระยุคลบาท
แล้วนั่งอยู่ที่พื้นดิน ดีฉันปลื้มใจได้กระทำอัญชลี
อนึ่ง พระพุทธเจ้ามีพระฉวีวรรณผุดผ่องดุจทองคำ