เมนู

6. ทัททัลลวิมาน


ว่าด้วยทัททัลลวิมาน


[34] นางภัททาเทพธิดาผู้พี่สาว ได้ถามนางสุภัททาเทพธิดาผู้
น้องสาวว่า
ท่านรุ่งเรืองด้วยรัศมี ทั้งเป็นผู้เรื่องยศ ย่อม
รุ่งโรจน์ล่วงเทพเจ้าชาวดาวดึงส์ทั้งหมด ด้วยรัศมี
ดีฉันไม่เคยเห็นท่าน เพิ่งจะมาเห็นในวันนี้เป็นครั้ง
แรก ท่านมาจากเทวโลกชั้นไหน จงมาเรียกดีฉัน
โดยชื่อเดิมว่า ภัททา ดังนี้เล่า.

นางสุภัททาเทพธิดาผู้น้องสาวตอบว่า
ข้าแต่พี่ภัททา ฉันชื่อว่าสุภัททา ในภพก่อน
ครั้งยังเป็นมนุษย์อยู่ ดีฉันได้เป็นน้องสาวของพี่ ทั้ง
ได้เคยเป็นภริยาร่วมสามีเดียวกับพี่มาด้วย ดีฉันตาย
จากมนุษยโลกนั้นมาแล้ว ได้มาเกิดเป็นเทพธิดา
ประจำสวรรค์ชั้นนิมมานรดี.

นางภัททาเทพธิดาจึงถามต่อไปอีกว่า
ดูก่อนแม่สุภัททา ขอเธอได้บอกการอุบัติของ
เธอในหมู่เทพเจ้าเหล่านิมมานรดี ซึ่งเป็นที่ ๆ สัตว์
ได้สั่งสมบุญกุศลไว้มาก แล้วจึงได้มาบังเกิด เธอ
ได้มาเกิดในที่นี้เพราะทำบุญกุศลสิ่งใดไว้ และใคร
เป็นครูผู้แนะนำสั่งสอนเธอ เธอเป็นผู้เรืองยศ และ

ถึงความสุขพิเศษไพบูลย์เช่นนี้ เพราะได้ให้ทาน
และรักษาศีลเช่นไรไว้ ดูก่อนแม่เทพธิดา ฉันถาม
เธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย.

นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่า
เมื่อชาติก่อน ดีฉันมีใจเลื่อมใส ได้ถวาย
บิณฑบาต 8 ที่ แก่สงฆ์ผู้เป็นทักขิไณยบุคคล 8 รูป
ด้วยมือของตน เพราะบุญกรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมนั้น.

นางภัททาเทพธิดาได้ถามต่อไปอีกว่า
พี่เลี้ยงดูพระภิกษุทั้งหลาย ผู้สำรวมดี ผู้
ประพฤติพรหมจรรย์ ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและ
น้ำ ด้วยมือของตนเอง มากกว่าเธอ ครั้นให้ทาน
มากกว่าเธอแล้ว ก็ยังได้บังเกิดในเหล่าเทพเจ้าต่ำ
กว่าเธอ ส่วนเธอได้ถวายทานเพียงเล็กน้อย อย่างไร
จึงมาได้ผลอย่างพิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้เล่า แน่ะแม่
เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร
โปรดตอบฉันด้วย.

นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่า
เมื่อชาติก่อน ดีฉันได้เห็นพระภิกษุผู้อบรม
ทางจิตใจเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่ จึงได้นิมนต์ท่านรวม

8 รูปด้วยกัน มีพระเรวตเถระเป็นประธาน ด้วย
ภัตตาหาร ท่านพระเรวตเถระนั้นมุ่งจะให้เกิดประ-
โยชน์ อนุเคราะห์แก่ดีฉัน จึงบอกดีฉันว่า จงถวาย
สงฆ์เถิด ดีฉันได้ทำตามคำของท่าน ทักขิณาของ
ดีฉันนั้นจึงเป็นสังฆทาน ดีฉันให้เข้าไปตั้งไว้ในสงฆ์
เป็นทานที่ไม่อาจปริมาณผลได้ว่า มีอยู่เท่าไร ส่วน
ทานที่คุณพี่ได้ถวายแก่ภิกษุ ด้วยความเลื่อมใสเป็น
รายบุคคล จึงมีผลไม่มาก.

นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะรับรองความข้อนั้นจึงกล่าวว่า
พี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การถวายสังฆทานนี้ มี
ผลมาก ถ้าว่าพี่ได้ไปบังเกิดเป็นมนุษย์อีก จักเป็นผู้
รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่
ถวายสังฆทาน และไม่ประมาทเป็นนิตย์.

เมื่อสนทนากันแล้ว นางสุภัททาเทพธิดาก็กลับไปสู่ทิพยวิมานของ
ตน บนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ท้าวสักกเทวราชได้ทรงสดับการสนทนา
นั้น เมื่อนางสุภัททาเทพธิดากลับไปแล้ว จึงตรัสถามนางเทพธิดาว่า
ดูก่อนนางภัททา เทพธิดาผู้นั้นเป็นใคร มา
สนทนาอยู่กับเธอ ย่อมรุ่งโรจน์กว่าเทพเจ้าเหล่า
ดาวดึงส์ทั้งหมดด้วยรัศมี.

นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะบรรยายข้อที่สังฆทานของเทพธิดาผู้
น้องสาว ว่ามีผลมาก จึงทูลว่า

ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ เทพ-
ธิดาผู้นั้น เมื่อชาติก่อนยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก
เป็นน้องสาวของหม่อมฉัน และยังได้เคยร่วมสามี
เดียวกันกับหม่อมฉันด้วย เธอสั่งสมบุญกุศลคือถวาย
สังฆทาน จึงได้ไพโรจน์ถึงอย่างนี้เพค่ะ.

สมเด็จอมรินทราธิราช เมื่อจะทรงสรรเสริญสังฆทาน จึงตรัสว่า
ดูก่อนนางภัททา น้องสาวของเธอไพโรจน์กว่า
เธอ ก็เพราะเหตุในปางก่อน คือ การถวายสังฆทาน
ที่ไม่อาจจะปริมาณแผลได้ อันที่จริง ฉันได้ทูลถาม
พระพุทธเจ้า ครั้งประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ถึง
ผลแห่งไทยธรรมที่ได้จัดแจงถวายในเขตที่มีผลมาก
ของมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญให้ทานอยู่ หรือทำบุญ
ปรารภเหตุแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย จะถวายใน
บุคคลประเภทใดจึงจะมีผลมาก พระพุทธเจ้าตรัส
ตอบข้อความนั้น แก่ฉันอย่างแจ่มแจ้งว่า ท่านผู้
ปฏิบัติเพื่ออริยมรรค 4 จำพวก และท่านผู้ตั้งอยู่ใน
อริยมรรค 4 จำพวก พระอริยบุคคล 8 จำพวกนี้
ชื่อว่าสงฆ์ เป็นผู้ปฏิบัติตรงดำรงมั่นอยู่ในปัญญาและ
ศีล เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญถวายทานในท่าน
เหล่านี้ หรือทำบุญปรารภการเวียนเกิดเวียนตาย
ทานที่ถวายในสงฆ์ย่อมมีผลมาก พระสงฆ์นี้เป็นผู้มี
คุณความดีอันยิ่งใหญ่ ยังผลให้เกิดแก่ผู้ถวายทานใน

ท่านอย่างไพบูลย์ ยากที่ใครจะปริมาณว่าเท่านี้ ๆ ได้
เหมือนทะเลยากที่จะคาดคะเนได้ว่ามีนำเท่านี้ ๆ ได้
ฉะนั้น พระสงฆ์เหล่านี้แล เป็นผู้ประเสริฐสุด
เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้มีความเพียรเป็นเยี่ยมใน
หมู่นรชน เป็นแหล่งสร้างแสงสว่าง คือ ญาณของ
ชาวโลก ได้แก่ นำเอาแสงสว่าง คือ พระสัทธรรม
ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้วมาชี้แจง ปวงชนผู้
ใคร่ต่อบุญเหล่าใด ถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์ ทักขิณา
ของเขาเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นทักขิณาที่ถวายดีแล้ว
เป็นยัญวิธีที่เซ่นสรวงถูกต้อง จัดเป็นบูชากรรมที่บูชา
แล้วชอบ เพราะทักขิณานั้นจัดเป็นสังฆทาน มีผล
มาก อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลก
ทรงสรรเสริญ ชนเหล่าใดยังท่องเที่ยวอยู่ในโลก มา
หวนระลึกถึงบุญเช่นนี้ได้ เกิดปีติโสมนัส ก็จะกำจัด
มลทิน คือ ความตระหนี่พร้อมทั้งความรู้เท่าไม่ถึง
การณ์ ความลังเลในใจ และความวิปลาส อันเป็น
มูลฐานเสียได้ ทั้งจะไม่เป็นผู้ถูกผู้รู้ติเตียน ชนเหล่า
นั้นก็จะเข้าถึงสถานที่ ๆ เป็นแดนสวรรค์.

จบทัททัลลวิมาน

อรรถกถาทัททัลลวิมาน


ทัททัลลวิมาน มีคาถาว่า ททฺทลฺลมานา วณฺเณน ดังนี้เป็นต้น.
ทัททัลลวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี. ก็สมัยนั้น กุฎุมพีคนหนึ่งเป็น
อุปัฏฐากของท่านพระเรวตเถระ จากนาลกคาม ได้มีธิดาสองคน คนหนึ่ง
ชื่อ ภัททา อีกคนหนึ่งชื่อ สุภัททา. ในธิดาสองคนนั้น นางภัททาไปสู่
ตระกูลสามี นางมีศรัทธาเลื่อมใสฉลาด และเป็นหมัน. นางภัททาพูดกะ
สามีว่าฉันมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง ชื่อสุภัททา พี่ไปนำเขามาเถิด หากน้อง
สุภัททานั้นพึงมีบุตร บุตรนั้นก็จะเป็นบุตรของฉันด้วย และวงศ์ตระกูล
นี้ก็จะไม่สูญ. สามีรับคำได้ทำตามที่ภรรยาบอก.
จึงนางภัททาได้สอนนางสุภัททาว่า น้องสุภัททา น้องต้องยินดีใน
การแจกทาน ไม่ประมาทในการประพฤติธรรม ด้วยอาการอย่างนี้
ประโยชน์ในปัจจุบันและสัมปรายภพ ก็จะอยู่ในเงื้อมมือของน้องแน่นอน.
นางสุภัททาตั้งอยู่ในโอวาทของพี่สาว ปฏิบัติตามที่พี่สาวสอน วันหนึ่ง
นางนินนท์ท่านพระเรวตเถระ เป็นรูปที่ 8 พระเถระหวังให้นางสุภัททา
สร้างสมบุญจึงพาภิกษุ 7 รูป โดยเป็นองค์สงฆ์ ไปเรือนของนาง. นาง
สุภัททามีจิตเลื่อมใส อังคาสท่านพระเรวตเถระและภิกษุเหล่านั้นด้วยของ
เคี้ยว ของบริโภคด้วยน้ำมือของตนเอง. พระเถระทำอนุโมทนาแล้วกลับ
ครั้นต่อมา นางสุภัททาถึงแก่กรรมไปเกิดเป็นสหายกับเทวดาชั้นนิมมานรดี.
ส่วนนางภัททาได้ให้ทานในบุคคลทั้งหลาย แล้วก็ไปเกิดเป็นบริจาริกา
ของท้าวสักกะจอมเทพ .