เมนู

เป็นที่อยู่ และที่หาอาหารของตนย่อมสำเร็จประโยชน์ตามที่ตนต้องการ
ฉันใด สตรีที่มีศรัทธาเลื่อมใสเป็นอริยสาวิกา ก็ฉันนั้นเหมือนกัน อาศัย
อยู่กับสามีผู้เป็นใหญ่เป็นภัสดา เพราะหาเลี้ยงหาใช้ด้วยของกินและเครื่อง
นุ่งห่มเป็นต้น ประพฤติยำเกรงสามีด้วยปฏิบัติเกื้อกูลสามีในทุก ๆ อย่าง
ฆ่าคือละความโกรธ อันเกิดขึ้นในเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง กำจัดคือ
ครอบงำไม่ให้เกิดความตระหนี่อันเกิดขึ้น ในของที่ครอบครองไว้ ชื่อว่า
เป็นหญิงประพฤติธรรม เพราะพระพฤติธรรมคือความยำเกรงสามีและ
ธรรมของอุบาสิกาโดยชอบ สตรีนั้นย่อมรื่นเริงคือย่อมถึงความบันเทิงใน
สวรรค์ คือเทวโลก. บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาลดาวิมาน

5. คุตติลวิมาน


ว่าด้วยคุตติลวิมาน


[33] พระมหาสัตว์นามว่าคุตติลบัณฑิต อันสมเด็จอมรินทราธิราช
ทรงจำแลงองค์เป็นพราหมณ์โกสิยโคตร เสด็จเข้าไปหาทรงซักถามแล้ว
ได้ทูลตอบแสดงความเจ็บใจของตนให้ท้าวเธอทรงทราบด้วยคาถา ความ
ว่า
ข้าแต่ท้าวโกสีย์ ข้าพระองค์ได้สอนวิชาดีดพิณ
7 สาย อันมีเสียงไพเราะมาก น่ารื่นรมย์ ให้แก่
มุสิละผู้เป็นศิษย์ เขาตั้งใจจะดีดพิณประชันกับข้า-

พระองค์บนกลางเวที ขอพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของ
ข้าพระองค์ด้วย.

สมเด็จอมรินทราธิราช ทรงสดับคำปรับทุกข์นั้นแล้ว เมื่อจะทรง
ปลอบยาจารย์ จึงตรัสปลุกใจด้วยคาถา ความว่า
จะกลัวไปทำไมนะ ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะเป็น
ที่พึ่งของท่านอาจารย์ เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้บูชาท่าน
อาจารย์ ข้าพเจ้าผู้เป็นศิษย์จะไม่ปล่อยให้ท่าน
อาจารย์ปราชัย ท่านอาจารย์ต้องเป็นผู้ชนะนายมุสิละ
ผู้เป็นศิษย์แน่นอน.

เมื่อสมเด็จอมรินทราธิราชตรัสปลอบใจเช่นนี้ คุตติลบัณฑิตก็โล่ง
ใจคลายทุกข์ พอถึงวันนัดก็ไปประลองศิลป์กันบนเวทีหน้าพระโรง ใน
ที่สุด คุตติลบัณฑิตผู้อาจารย์เป็นฝ่ายชนะ นายมุสิละผู้เป็นศิษย์เป็นฝ่ายแพ้
ถึงแก่ความตายกลางเวที เพราะอาชญาของปวงชน สมเด็จอมรินทรา-
ธิราชทรงกล่าววาจาแสดงความยินดีด้วยคุตติลบัณฑิตแล้ว เสด็จกลับเทว-
สถาน ครั้นกาลต่อมา สมเด็จอมรินทราธิราชตรัสใช้ให้พระมาตลีเทพ
สารถี นำเวชยันตราชรถลงมารับคุตติลบัณฑิตไปยังเทวโลกเพื่อให้ดีดพิณ-
ถวาย คุตติลบัณฑิตจึงกราบทูลท้าวโกสีย์ในท่ามกลางเทพบริษัท เพื่อ
ไต่ถามถึงบุรพกรรมของเทพธิดาทั้งหลาย ณ ที่นั้น เป็นรางวัลแห่งการ
ดีดพิณเสียก่อน เมื่อได้รับพระอนุญาตแล้ว จึงได้ถามถึงบุรพกรรมของ
เทพธิดาเหล่านั้นว่า

ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องแสงสว่างไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันคุตติลบัณฑิตถามเหมือน
ท่านพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีใจยินดี ได้
พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระ และนารี
ทั้งหลาย ได้ถวายผ้าอย่างดีผืนหนึ่งแก่ภิกษุรูปหนึ่ง
ดีฉันได้ถวายผ้าอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้ทิพยวิมาน
อันน่าปลิมใจถึงเช่นนี้ เชิญดูวิมานของดีฉันนั้นเถิด
ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณ
น่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีก
ด้วย เชิญดูผลแห่งบุญ คือการถวายผ้าอย่างดี
ทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมนั้น.

วิมานทั้ง 4 ที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีความพิสดาร
เหมือนวัตถทายิกวิมาน.

(1) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า

ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก
ฯ ลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
กรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้ง-
หลาย ได้ถวายดอกมะลิอย่างดีแก่ภิกษุหนึ่ง ดีฉัน
ได้ถวายดอกมะลิอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้ทิพยวิมาน
น่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของ
ดีฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่าง
และผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้ง
พันอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ คือการ
ถวายดอกมะลิอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญ
กรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมี
รัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

(2) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้ง-
หลาย ได้ถวายจุรณของหอมอย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง
ดีฉันได้ถวายอุรณของหอมอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้
ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดู
วิมานของดีฉันนี้เถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็นนางฟ้า
ที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่า
นางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผล
แห่งบุญ คือ การถวายอุรณของหอมอย่างดีทั้งหลาย
นั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะงาม
เช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ เพราะ
บุญกรรมนั้น.

(3) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม

แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้ง-
หลาย ได้ถวายผลไม้อย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดีฉัน
ได้ถวายผลไม้อันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้ทิพยวิมาน
อันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของ
ดีฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่าง
และผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้ง
พันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ คือ
การถวายผลไม้อย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญ
กรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมี
รัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

(4) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประ-
กายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะงาม
เช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
บุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้ง-
หลาย ได้ถวายอาหารมีรสอย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง
ดีฉันได้ถวายอาหารอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้ทิพย-
วิมานอันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดู
วิมานของดีฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็นนางฟ้า
ที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่า
นางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผล
แห่งบุญ คือการถวายอาหารมีรสอย่างดีทั้งหลายนั้น
เถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้
ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
กรรมนั้น.

พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประ-
กายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะงาม
เช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผล
กรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันได้นำของหอม 5 อย่าง ไปประพรมที่

องค์พระสถูปทองคำ สำหรับบรรจุพระบรมธาตุของ
พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า นิมนต์พระคุณเจ้าดู
วิมานของดีฉันนี้เถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็นนางฟ้าที่
มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านาง
อัปสรทั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่ง
บุญคือการถวายของหอม 5 อย่างนั้นเถิด เพราะ
บุญูกรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และ
มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

วิมานทั้ง 4 จะกล่าวต่อไปนี้ มีเนื้อความพิสดารเหมือนกับคันธ-
ปัญจังคลิกวิมาน
(1) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันได้เห็นภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย พากัน
เดินทางไกล ได้ฟังธรรมเทศนาของท่านเหล่านั้น


ได้เข้ารักษาอุโบสถอยู่วันหนึ่งคืนหนึ่ง นิมนต์พระ-
คุณเจ้าดูวิมานของดีฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยัง
เป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็น
ผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณ
เจ้าดูผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น
ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสว
ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

(2) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามว่า

ดีฉันยืนอยู่ในน้ำ มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายน้ำ
ใช้และน้ำฉันแก่ภิกษุรูปหนึ่ง นิมนต์พระคุณเจ้าดู
วิมานของดีฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็น
นางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศ
กว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดู

ผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดีฉัน
จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสว
ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

(3) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันไม่คิดมุ่งร้าย ตั้งใจปฏิบัติเป็นอย่างดี ซึ่ง
ไม่ผัวและพ่อผัวผู้ดุร้าย ผู้มักโกรธง่ายและหยาบคาย
เป็นผู้ไม่ประมาทในการรักษาศีลของตน นิมนต์พระ-
คุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยัง
เป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็น
ผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระ-
คุณเจ้าดูผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น
ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่าง
ไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

(4) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า

ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
งามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถาม
แล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่ง
ผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันเป็นหญิงรับใช้ รับจ้างทำกิจการงานของ
คนอื่น ไม่เกียจคร้าน ไม่เป็นคนโกรธง่าย ไม่ถือ
ตัว ชอบแบ่งปันสิ่งของอันเป็นส่วนของตนที่ได้มา
แก่ปวงชนที่ต้องการ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของ
ดีฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่าง
และผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้ง
พันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญทั้ง-
หลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะงาม
เช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมนั้น.

พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มี
รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาว
ประกายพรึก เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ

งามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระ
ถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหา
แห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า

ดีฉันได้ถวายข้าวสุกคลุกนมวัวสดแก่ภิกษุรูป-
หนึ่ง ผู้กำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ นิมนต์พระคุณเจ้า-
จงดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉันเป็น
นางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศ
กว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย เพราะบุญกรรมนั้น
ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่าง
ไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

ในวิมานเหล่านั้น 25 วิมานที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีเนื้อความพิสดาร
เหมือนกับขีโรทนทายิกาวิมาน.
พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก
ฯ ล ฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
กรรมอะไร.

นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระ
ถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหา
แห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดีฉันได้ถวาย
1. น้ำอ้อยงบ ฯ ล ฯ

2. ผลมะพลับสุก ฯ ล ฯ
3. อ้อยท่อนหนึ่ง ฯ ล ฯ
4. แตงโมผลหนึ่ง ฯ ล ฯ
5. ฟักทองผลหนึ่ง ฯ ล ฯ
6. ยอดผักต้ม ฯ ล ฯ
7. ผลลิ้นจี่ ฯ ล ฯ
8. เชิงกราน ฯ ล ฯ
9. ผักดองกำหนึ่ง ฯ ล ฯ
10. ดอกไม้กำหนึ่ง ฯ ล ฯ
11. มัน ฯ ล ฯ
12. สะเดากำหนึ่ง ฯ ล ฯ
13. น้ำผักดอง ฯ ล ฯ
14. แป้งคลุกงาคั่ว ฯ ล ฯ
15. ประคดเอว ฯ ล ฯ
16. ผ้าอังสะ ฯ ล ฯ
17. พัด ฯ ล ฯ
18. พัดสี่เหลี่ยม ฯ ล ฯ
19. พัดใบตาล ฯ ล ฯ
20. หางนกยูงกำหนึ่ง ฯ ล ฯ
21. ร่ม
22. รองเท้า ฯ ล ฯ
23. ขนม ฯ ล ฯ

24. ขนมต้ม ฯ ล ฯ
25. น้ำตาลกรวด

แก่ภิกษุรูปหนึ่งผู้กำลังบิณฑบาตอยู่ นิมนต์พระ-
คุณเจ้าดูวิมานของดีฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดีฉัน
ยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็น
ผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย เพราะบุญกรรม
นั้น ดีฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ และมีรัศมี
สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

เมื่อนางเทพธิดาเหล่านั้น เฉลยผลกรรมที่ได้ทำมาเป็นอันดีอย่างนี้
แล้ว คุตติลบัณฑิตร่าเริง บันเทิงใจ เมื่อจะแสดงความชื่นชมยินดีของตน
จึงกล่าวว่า
ข้าพเจ้ามาถึงเมืองสวรรค์วันนี้ เป็นการดีแท้
เป็นฤกษ์งามยามดีที่ข้าพเจ้าได้เห็นนางเทพธิดาทั้ง-
หลาย ที่เป็นนางฟ้ามีรูปร่างและผิวพรรณน่ารักใคร่
ทั้งยังได้ฟังธรรมอันแนะนำทางบุญกุศลจากเธอเหล่า-
นั้นด้วย แต่นี้ไป ข้าพเจ้าจักการทำบุญกุศลให้มาก
ด้วยการให้ทาน ด้วยการประพฤติธรรมสม่ำเสมอ
ด้วยการรักษาศีลสังวร และด้วยการฝึกอินทรีย์
ข้าพเจ้าจักได้ไปสู่สถานที่ ๆ ไปแล้วไม่เศร้าโศก.

จบคุตติลวิมาน

อรรถกถาคุตติลวิมาน


คุตติลวิมาน มีคาถาว่า สตฺตตนฺตึ สุมธุรํ ดังนี้เป็นต้น. คุตติลวิมาน
นั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ ท่านพระ-
มหาโมคคัลลานะ จาริกไปยังเทวโลก ตามนัยที่กล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล
ครั้นไปถึงภพดาวดึงส์ เห็นเทพธิดา 36 นาง แต่ละนางมีนางอัปสร
เป็นบริวาร เสวยทิพยสมบัติใหญ่ใน 36 วิมาน ซึ่งตั้งอยู่ ณ ภพดาวดึงส์
นั้น จึงถามถึงกรรมที่เทพธิดาเหล่านั้นได้กระทำมาในกาลก่อนตามลำดับ
ด้วยคาถาทั้งหลาย 3 คาถา มีอาทิว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน มีวรรณงาม
ยิ่งนัก ดังนี้. แม้เทพธิดาเหล่านั้นก็ได้ตอบตามลำดับคำถามของพระมหา
โมคคัลลานเถระ โดยนัยมีอาทิว่า วตฺถุตฺตมทายิกา นารี ดีฉันเป็นนารี
ได้ถวาย ผ้าเนื้อดี ดังนี้.
ลำดับนั้น พระเถระจึงออกจากเทวโลกลงมาสู่มนุษยโลก ได้กราบ
ทูลความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นได้สดับดัง
นั้นแล้ว จึงตรัสว่า โมคคัลลานะ เทพธิดาเหล่านั้นมิได้ตอบอย่างที่เธอ
ถามในบัดนี้อย่างเดียวเท่านั้น เมื่อก่อนก็ได้ตอบอย่างที่เราถามเหมือนกัน.
พระเถระกราบทูลขอร้องให้ตรัส พระองค์จึงได้ตรัสเล่าเรื่องของพระองค์
ครั้งเป็นคุตติละอาจารย์ในอดีตให้ฟังดังต่อไปนี้
ในครั้งอดีต เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์อุบัติอยู่ในตระกูลคนธรรพ์ ได้เป็นอาจารย์ปรากฏชื่อเสียง
เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในทุกทิศโดยชื่อว่า คุตติละ เช่นเดียวกับติมพรูนารทะ
เพราะเป็นผู้มีศิลปะบริสุทธิ์ในศิลปะของคนธรรพ์. คุตติละนั้นเลี้ยงดูมารดา