เมนู

10. ปฐมภิกษาทายิกาวิมาน


ว่าด้วยภิกษุทายิกาวิมาน


[27] พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพธิดานั้น ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ดูก่อนเทพธิดา ท่านเป็นผู้มีวรรณะงาม มีรัศมี
ส่องสว่างไสวไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯ ล ฯ
และรัศมีของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดานั้น ถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว
ดีใจ จึงได้พยากรณ์ปัญหาแห่งกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ในชาติก่อนครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันอยู่ในหมู่
มนุษย์ในมนุษยโลก ได้พบพระพุทธเจ้าผู้ปราศจาก
กิเลสธุลีผ่องใสไม่ขุ่นมัว ก็เลื่อมใส ได้ถวายภิกษาแด่
พระองค์ด้วยมือของดีฉันเอง เพราะบุญอันนั้น ดิฉัน
จึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ และรัศมีของดีฉันจึงสว่าง
ไสวไปทุกทิศ.

จบปฐมภิกษาทายิกาวิมาน

อรรถกถาปฐมภิกษาทายิกาวิมาน


ปฐมภิกษาทายิกาวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน ดังนี้
เป็นต้น. ปฐมภิกษาทายิกาวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน กรุงสาวัตถี. สมัยนั้น
หญิงคนหนึ่ง อยู่ในอุตตรนธุรานคร จะสิ้นอายุ ควรเกิดในอบายภูมิ
พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จออกจากมหากรุณาสมาบัติเวลาใกล้รุ่ง ทรง
ตรวจดูโลก ทรงเห็นหญิงนั้นควรเกิดในอบายภูมิ มีพระทัยอันพระ-
มหากรุณาเตือนแล้ว มีพุทธประสงค์จะให้นางดำรงอยู่ในสุคติภูมิ จึง
เสด็จไปมธุรานครพระองค์เดียวหามีเพื่อนไม่ ครั้นเสด็จถึงแล้ว ในเวลา
เช้าทรงนุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเสด็จไปบิณฑบาตนอกพระนคร. สมัยนั้น
หญิงนั้นจัดแจงอาหารไว้ในเรือนเสร็จแล้ว เก็บงำไว้ในที่ส่วนหนึ่ง ถือ
หม้อน้ำไปท่าน้ำ ก็เอาหม้อน้ำตักน้ำ กำลังไปเรือนของตน ก็พบพระ-
ศาสดาระหว่างทาง ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทรงได้บิณฑบาตแล้ว
หรือเจ้าค่ะ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ก็คงจักได้ ก็ทราบว่าพระองค์
ยังไม่ได้บิณฑบาต วางหม้อน้ำเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคม
แล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักถวายบิณฑบาต
โปรดทรงรับเถิดเจ้าค่ะ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับโดยดุษณีภาพ. หญิงนั้น
ทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับแล้ว เดินล่วงหน้าไปก่อน ปูลาด
อาสนะเหนือที่แห้งและเกลี้ยงเกลา ยืนคอยดูพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่. พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จเข้าไปยังเรือนประทับนั่งบนอาสนะที่ปูถวาย. ดังนั้น
นางได้อาราธนาให้พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสวยเสร็จแล้ว ทรงชักพระหัตถ์ออกจากบาตร ทรงทำอนุโมทนาแก่นาง
แล้วก็เสด็จหลีกไป. นางฟังอนุโมทนา รู้สึกปีติและโสมนัสมิใช่น้อย ไม่
ย่อมละปีติมีพระพุทธคุณเป็นอารมณ์ ยืนนมัสการอยู่จนพระพุทธเจ้าเสด็จ
ลับสายตาไป.

ล่วงไปได้ 2-3 วัน หางก็ทำกาละตายไปบังเกิดในภพดาวดึงส์ มี
เทพอัปสรประมาณพันหนึ่งเป็นบริวาร. ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ
ถามเทพธิดานั้น ด้วยคาถาว่า
ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม ฯลฯ เหมือน
ดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
เช่นนี้ ฯ ล ฯ และรัศมีของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดานั้น ถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว
ดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างไรว่า

ในชาติก่อน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันอยู่ในหมู่
มนุษย์ในมนุษยโลก ได้พบพระพุทธเจ้าผู้ปราศจาก
กิเลสธุลีผ่องใสไม่ขุ่นมัว ดีฉันเลื่อมใส ก็ถวาย
ภิกษาแด่พระองค์ด้วยมือของตนเอง เพราะบุญนั้น
ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ และรัศมีของดีฉันจึง
สว่างไสวไปทุกทิศ.

คำที่เหลือทั้งหมดมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น เพราะมีนัยอันกล่าวมาแล้ว
ในหนหลัง.
จบอรรถกถาปฐมภิกษาทายิกาวิมาน

11. ทุติยภิกษาทายิกาวิมาน


ว่าด้วยภิกษุทายิกาวิมาน


[28] พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพธิดานั้น ด้วยคาถานี้ว่า
ดูก่อนเทพธิดา ท่านเป็นผู้มีวรรณะงาม มีรัศมี
ส่องสว่างไสวไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ และ
รัศมีของท่านสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดานั้น ถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว
ดีใจ จึงได้พยากรณ์ปัญหาแห่งกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ในชาติก่อน ครั้งเกิดเห็นมนุษย์ ดีฉันอยู่ใน
หมู่มนุษย์ในมนุษยโลก ได้พบพระพุทธเจ้าผู้ปราศ-
จากกิเลสธุลี ผ่องใสไม่ขุ่นมัว ก็เลื่อมใส ได้ถวาย
ภิกษาแด่พระองค์ด้วยมือของดีฉันเอง เพราะบุญอัน
นั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ และรัศมีของดีฉัน
จึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบทุติยภิกษาทายิกาวิมาน

อรรถกถาทุติยภิกษาทายิกาวิมาน


ทุติยภิกษาทายิกาวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน ดังนี้เป็น
ต้น. ทุติยภิกษาทายิกาวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?