เมนู

5. ภัททิตถิกาวิมาน


ว่าด้วยภัททิตถิกาวิมาน


[22] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามถึงบุรพกรรมที่ ภัททาเทพธิดา
นั้นได้กระทำไว้ว่า
ดูก่อนเทพธิดาผู้มีปัญญาดี ท่านสวมไว้เหนือ
ศีรษะ ซึ่งมาลัยดอกมณฑารพ ซึ่งมีสีต่าง ๆ คือ
คำ แดงเข้ม และแดง แวดล้อมด้วยกลีบเกสรจาก
ต้นไม้เหล่าใด ต้นไม้เหล่านี้ไม่มีในหมู่เทพเหล่าอื่น
เพราะบุญอะไร ท่านผู้มียศจึงเข้าถึงหมู่เทวดาชั้น
ดาวดึงส์ ดูก่อนเทพธิดา ท่านถูกเราถามแล้ว
โปรดบอกสิว่านี้เป็นผิของบุญกรรมอะไร.

เทพธิดาถูกพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามอย่างนี้แล้ว จึงทูลพยากรณ์
ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ชนทั้งหลายรู้จักข้าพระองค์ว่า ภัตทิตถิกา
ข้าพระองค์เป็นอุบาสิกาอยู่ในกิมพิลนคร เป็นผู้สม-
บูรณ์ด้วยศรัทธา และศีล ยินดีในการจำแนกทาน
ทุกเมื่อ มีจิตอันเลื่อมใสในพระอริยเจ้าผู้ปฏิบัติตรง
ได้ถวายผ้านุ่งห่ม อาหาร เสนาสนะ และเครื่อง
ประทีป ข้าพระองค์ได้เข้ารักษาอุโบสถอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 ประการตลอดดิถีที่ 14-15 และดิถีที่ 8
ของปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ เป็นผู้สำรวม

แล้วด้วยดีในศีลทุกเมื่อ งดเว้นจากปาณาติบาต เป็น
ผู้เว้นจากการถือเอาสิ่งของของผู้อื่นด้วยไถยจิต จาก
การประพฤติผิดในกาม สำรวมจากมุสาวาท และ
จากการดื่มน้ำเมา เป็นผู้ยินดีในสิกขาบททั้ง 5 และ
เป็นผู้ฉลาดในอริยสัจ มีปกติเป็นอยู่ด้วยความไม่
ประมาท เป็นอุบาสิกาของพระพุทธเจ้าผู้มีพระ-
สมันตจักษุ ข้าพระองค์บำเพ็ญสุจริตกุศลธรรมสำเร็จ
แล้ว จุติจากมนุษยโลกนั้นแล้ว เป็นนางเทพธิดาผู้มี
รัศมีในกายตัวเอง เที่ยวชมอยู่รอบ ๆ สวนนันทนวัน
อนึ่ง ข้าพระองค์ได้เลี้ยงดูซึ่งท่านภิกษุผู้เป็นอัครสาวก
ทั้งสอง ผู้อนุเคราะห์ชาวโลกด้วยประโยชน์เกื้อกูล
อย่างยิ่ง เป็นมหาปราชญ์ และได้บำเพ็ญสุจริตกุศล-
ธรรมไว้มาก ครั้นจุติจากมนุษยโลกนั้นแล้ว ได้
บังเกิดเป็นเทพธิดา ผู้มีรัศมีในกายของตนเอง เที่ยว
ชมอยู่รอบ ๆ สวนนันทนวัน ข้าพระองค์ได้เข้ารักษา
อุโบสถ อันประกอบด้วยองค์ 8 ประการ นำมา
ซึ่งความสุขอันกำหนดมิได้เนืองนิตย์ และได้สร้าง
สุจริตกุศลธรรมความชอบไว้บริบูรณ์แล้ว ครั้นจุติจาก
มนุษยโลกนั้นแล้ว ได้บังเกิดเป็นนางเทวดาผู้มี
รัศมีในกายตัวเอง เที่ยวชมอยู่รอบ ๆ นันทนวัน.

จบภัททิตถิกาวิมาน

อรรถกถาภัททิตถิกาวิมาน


ภัททิตถิกาวิมานมีคาถาว่า นีลา ปีตา จ กาฬา จ ดังนี้เป็นต้น.
ภัททิตถิกาวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
บิณฑิกะ กรุงสาวัตถี สมัยนั้น ในกิมิลนคร มีคหบดีบุตรผู้หนึ่งชื่อ
โรหกะ มีศรัทธาปสาทะ ถึงพร้อมด้วยศีลและอาจาระ ในนครนั้นแล
มีทาริกาเด็กหญิงคนหนึ่ง ในตระกูลที่มีโภคทรัพย์มาก ทัดเทียมกับนาย
โรหกะนั้น เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใส มีนามว่า ภัททา เพราะเจริญแม้
ตามปกติ ครั้นต่อมา มารดาบิดาของโรหกะ ได้เลือกกุมารีนั้น นำนาง
มาในเวลานั้น ได้ทำอาวาหวิวามงคลกัน. สองสามีภริยานั้น ก็อยู่ร่วม
กันด้วยสามัคคี ก็เพราะอาจารสมบัติของตน นางจึงได้เป็นคนเด่น รู้จัก
กันไปทั่วพระนครนั้นว่า ภัททิตถี แม่หญิงภัทรา.
ก็สมัยนั้น พระอัครสาวกทั้ง 2 มีภิกษุเป็นบริวาร รูปละ 500
จาริกเที่ยวไปในชนบท ถึงกิมิลนคร. นายโรหกะ รู้ว่าพระอัครสาวกนั้น
ไปที่กิมิลนครนั้น เกิดโสมนัสเข้าไปหาพระเถระทั้งสองรูป ไหว้แล้วนิมนต์
ฉันในวันพรุ่งนี้ อังคาสท่านพร้อมด้วยบริวารให้อิ่มหนำสำราญด้วยของ
เคี้ยวของฉันอันประณีตในวันรุ่งขึ้น พร้อมด้วยบุตรและภรรยา ได้ฟัง
พระธรรมเทศนาที่ท่าแสดงแล้ว ตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน รับสรณะ
สมาทานเบญจศีล. ส่วนภรรยาของเขา ก็เข้ารักษาอุโบสถศีลเป็นวัน 8 ค่ำ
14 ค่ำ 15 ค่ำ และวันปาฏิหาริยปักษ์. เฉพาะอย่างยิ่งนางได้เป็นผู้ถึง
พร้อมด้วยศีลและอาจาระ และเทวดาทั้งหลาย อนุเคราะห์แล้ว ก็ด้วย