เมนู

บทว่า ฑากํ ได้แก่ ผักดองและกับมีกะเพราเป็นต้น. บทว่า
โลณโสวีรกํ ความว่า น้ำปานะอย่างหนึ่ง ที่เขาปรุงพร้อมด้วยเครื่อง
ปรุงมากอย่างนั้นมีข้าวเปลือกเป็นต้น. บางพวกเรียกน้ำข้าวตังว่า น้ำ
เกลือก็มี.
เวลาจบการถามและการตอบ นางบรรลุสกทาคามิผล ด้วยธรรม
เทศนาของพระเถระ. คำที่เหลือ เหมือนนัยที่กล่าวมาในอุตตราวิมาน
นั้นแล.
จบอรรถถถาขุมาวิมาน.

3. อาจามทายิกาวิมาน


ว่าด้วยอาจามทายิกาวิมาน


[20] ท้าวสักกเทวราชเมื่อจะตรัสถามถึงที่เกิดแห่งหญิงนั้น กะ
พระมหากัสสปเถระ จึงตรัสคาถาสองคาถา ความว่า
หญิงขัดสน ยากไร้ อาศัยชายคาเรือนของ
คนอื่นอยู่ มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายข้าวตังแก่พระคุณ
เจ้าผู้เที่ยวไปบิณฑบาต ซึ่งมาหยุดยืนนั่งอยู่เฉพาะ
หน้า ด้วยมือของตนเอง ครั้นละจากอัตภาพมนุษย์
แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นไหนหนอเจ้าข้า.

พระมหากัสสปเถระถวายพระพรว่า

หญิงขัดสน ยากไร้ อาศัยชายคาเรือนของคน
อื่นอยู่ มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายข้าวตังแก่อาตมภาพผู้
กำลังเที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต ซึ่งมายืนหยุดนิ่งเฉพาะ
หน้า ด้วยมือของตนเองนั้น ครั้นละจากอัตภาพมนุษย์
จุติจากมนุษยโลกนี้พ้นไปแล้ว เทวดาผู้มีฤทธิ์มาก
ชื่อนิมมานรดีมีอยู่ นางผู้ถวายเพียงข้าวตังเป็นทานก็
ถึงความสุขอันเป็นทิพย์ บันเทิงใจอยู่ในชั้นนิมมาน-
รดีนั้น.

ท้าวสักกเทวราชกล่าวสรรเสริญทานนั้นว่า
น่าอัศจรรย์จริงหนอ ทานอันหญิงยากไร้ตั้งไว้ดี
แล้วในพระคุณเจ้ามหากัสสป ได้ทักษิณาสำเร็จผล
แล้ว ด้วยไทยทานที่นำมาแก่ผู้อื่นหนอ. นางผู้งาม
ทั่วสรรพางค์ สามีมองไม่จืด ได้รับอภิเษกเป็นเอก
อัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่
16 ของอาจามทานนี้ ทองคำร้อยนิกขะ ม้าตั้งร้อย
ตัว รถเทียมม้าอัสดรร้อยคัน หญิงสาวผู้สวมกุณฑล-
มณีแสนนาง ก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่ 16 ของอาจามทาน
นี้ พระยาช้างตระกูลเหมวตะ เป็นช้างร่างใหญ่ มี
งางอน มีสายรัดทองคำ มีข่ายเครื่องประดับเป็น
ทองร้อยเชือก ก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่ 16 ของอาจามทาน
นี้ ถึงแม้พระเจ้าจักรพรรดิ จะครองความเป็นเจ้า

มหาทวีปทั้งสี่ ก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่ 16 ของอาจาม-
ทานนี้.

จบอาจามทายิกาวิมาน

อรรถกถาอาจามทายิกาวิมาน


อาจามทายิกาวิมานมีคาถาว่า ปิณฺฑาย เต จรนฺตสฺส ดังนี้เป็นต้น.
อาจามทายิกาวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน
กรุงราชคฤห์. สมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์มีครอบครัวหนึ่งเป็นอหิวาตกโรค
คนในครอบครัวนั้นตายกันหมด เหลือหญิงคนหนึ่ง. หญิงนั้น ทิ้งเรือน
และทรัพย์และข้าวเปลือกที่อยู่ในเรือนทั้งหมด กลัวมรณภัย หนีไปทาง
ช่องฝาเรือน หมดที่พึ่ง ไปเรือนของคนอื่น อยู่ข้างหลังเรือนของเขา.
พวกผู้คนในเรือนนั้น คิดสงสาร ให้ข้าวต้มข้าวสวยและข้าวตังเป็นต้น
ที่เหลือในหม้อข้าวเป็นต้นแก่นาง. นางเลี้ยงชีวิตอยู่ด้วยข้าวตังของผู้คน
เหล่านั้น.
สมัยนั้น ท่านมหากัสสปะ เข้านิโรธสมาบัติ 7 วัน ออกจาก
นิโรธนั้นแล้วคิดว่า วันนี้เราจักอนุเคราะห์ใคร ด้วยการรับอาหารหนอ
จักเปลื้องใคร จากทุคติและจากทุกข์ เห็นหญิงนั้นใกล้ตาย และกรรม
ของนางที่จะนำไปนรก และโอกาสแห่งบุญที่นางได้ทำแล้ว คิดว่า เมื่อ
เราไป หญิงคนนี้จักถวายข้าวตังที่ตนได้แล้ว เพราะบุญนั้นนั่นแหละ นาง
จักเกิดในเทวโลกชั้นนิมมานรดี เมื่อเป็นดังนั้น เอาเถิดจำเราจักช่วยนาง