เมนู

สกํ ปุญฺญํ ได้แก่ เสวยบุญของตน ตามที่สั่งสมไว้. จริงอยู่ ผลบุญอัน
ผู้ใดย่อมเสวย แม้บุญนั้นของผู้นั้น ก็เรียกว่า อนุภูยติ อันเขาย่อมเสวย
เพราะเป็นอุปจารใกล้ชิดกับผล. อีกนัยหนึ่ง แม้ผลสุจริต ท่านก็เรียกว่า
บุญ เพราะเป็นของปุถุชน ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บุญนี้ย่อมเจริญอย่างนี้ เพราะเหตุที่สมาทานธรรมฝ่ายกุศล
ทั้งหลาย. บทว่า สุขิตา จมฺหิ อนามยา ได้แก่ ดีฉัน เป็นผู้เจริญ มีสุข
ด้วยสุขทิพย์ และสุขพละ มีอนามัยไร้โรคเพราะไม่มีทุกข์ ทางกาย
และทางใจ.
ศัพท์ในบทว่า มม จ เป็นสมุจจยัตถะ [ความประชุม]. ด้วย
ศัพท์นั้น อุตตราเทพธิดา ย่อมประมวลการไหว้สั่งความว่า และขอ
ท่านพึงถวายบังคม ตามคำของดีฉัน ไม่ใช่ตามสภาพของท่าน. แสดง
ความปรากฏแห่งความเป็นอริยสาวิกาของตน ด้วยคำว่า อนจฺฉริยํ
เป็นต้น. คำว่า ตํ ภควา เป็นต้นเป็นคำของพระสังคีติกาจารย์. คำที่
เหลือมีนัยกล่าวมาแล้วทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาอุตตราวิมาน

16. สิริมาวิมาน


ว่าด้วยสิริมาวิมาน


[16] พระวังคีสเถระประสงค์จะให้นางสิริมาเทพธิดา ได้ประกาศ
บุญกรรม ที่นางทำไว้ในครั้งก่อน จึงสอบถามนางด้วยสองคาถาว่า