เมนู

อรรถกถาปารายนานุสังคีติคาถา


ต่อจากนี้ไปพระสังคีติกาจารย์ เมื่อจะสรรเสริญเทศนา จึงได้กล่าวคำ
มีอาทิว่า อิทมโวจ ภควา. ดังนี้
ในบทเหล่านั้น บทว่า อิทมโวจ คือพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
ปารายนสูตรนี้. บทว่า ปริจารกโสฬสนฺนํ พราหมณ์มาณพ 16 คน
ผู้เป็นบริวาร คือพราหมณ์ 16 คน พร้อมด้วยปิงคิยะผู้เป็นบริวารของพาวรี-
พราหมณ์ หรือพราหมณ์ 16 คน ผู้เป็นบริวารของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็น
พระพุทธเจ้า ชื่อว่า พราหมณ์ 16 คนผู้เป็นบริวาร. บริวารเหล่านั้นเป็น
พราหมณ์ทั้งหมด. บรรดาพราหมณ์เหล่านั้น บริษัทของพราหมณ์ 16 คน
นั่งข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย และข้างขวางข้างละ 6 โยชน์ นั่งแถวตรง 12
โยชน์. บทว่า อชฺฌิตฺโถ แปลว่า ทูลอาราธนา. บทว่า อตฺถมญฺญาย รู้
ทั่วถึงอรรถ คือรู้ความแห่งบาลี. บทว่า ธมฺมมญฺญาย รู้ทั่วถึงธรรม คือรู้
ธรรมในบาลี. พระสังคีติกาจารย์ตั้งชื่อธรรมปริยายนี้ อย่างนี้ว่า ปารายนะ
แล้วเมื่อจะประกาศชื่อของพราหมณ์เหล่านั้นได้กล่าวว่า อชิโต ติสฺสเมตฺเตย-
โย ฯเปฯ พุทฺธเสฏฺฐมุปคามุํ
พราหมณ์ 16 คน คือ อชิโต ติสฺสเมตฺเตย-
เตยยะ ฯลฯ ได้เข้าไปเฝ้าทูลถามปัญหากะพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด.
ในบทเหล่านั้น บทว่า สมฺปนฺนจรณํ ผู้มีจรณะสมบูรณ์ คือถึง
พร้อมแล้วด้วยศีลในพระปาติโมกข์เป็นต้น อันเป็นเหตุใกล้ให้ถึงพระนิพพาน.
บทว่า อิสึ ได้แก่ ผู้แสวงหาคุณใหญ่ คำที่เหลือชัดแล้ว. ต่อจากนี้ไป บทว่า
พฺรหฺมจริยมจรึสุ ความว่า พราหมณ์ทั้งหลายได้ประพฤติมรรคพรหมจรรย์.
เพราะฉะนั้น บทว่า ปารายนํ ท่านอธิบายว่า เป็นทางไปสู่นิพพานอันเป็น
ฝั่งโน้นนั้น.