เมนู

ติสสเมตเตยยปัญหาที่ 2


ว่าด้วยโทษของกาม


[426] ติสสเมตเตยยมาณพทูลถามปัญหาว่า
ใครชื่อว่าผู้ยินดีในโลกนี้ ความ
หวั่นไหวทั้งหลายย่อมไม่มีแก่ใคร ใครรู้ส่วน
สุดทั้งสอง แล้วไม่ติดอยู่ในส่วนท่ามกลาง
ด้วยปัญญา พระองค์ตรัสสรรเสริญใครว่า
เป็นมหาบุรุษ ใครล่วงตัณหาเครื่องร้อยรัด
ในโลกนี้ได้.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนเมตเตยยะ.
ภิกษุเห็นโทษในกามทั้งหลายแล้ว
ประพฤติพรหมจรรย์ มีตัณหาปราศจากไป
แล้ว มีสติทุกเมื่อ พิจารณาเห็นธรรมแล้ว
ดับกิเลสได้แล้ว ชื่อว่าผู้ยินดีในโลกนี้ ความ
หวั่นไหวทั้งหลายย่อมไม่มีแก่ภิกษุนั้น ภิกษุ
นั้นรู้ซึ่งส่วนสุดทั้งสองแล้ว ไม่ติดอยู่ในส่วน
ท่ามกลางด้วยปัญญา เรากล่าวสรรเสริญ
ภิกษุนั้นว่าเป็นมหาบุรุษ ภิกษุนั้นล่วงตัณหา
เครื่องร้อยรัดในโลกนี้เสียได้.

จบติสสเมตเตยยมาณวกปัญหาที่ 2

อรรถกถาติสสเมตเตยยสูตร1ที่ 2


ติสสเมตเตยยสูตร

มีคำเริ่มต้นว่า โกธ สนฺตุสฺสิโต ใครชื่อว่า
ผู้ยินดีในโลกนี้ ดังนี้.
ติสสเมตเตยยสูตร มีการเกิดขึ้นอย่างไร ?
มีการเกิดขึ้นด้วยอำนาจของการถามของสูตรทั้งหมด. ก็พราหมณ์
เหล่านั้นทูลถามความสงสัยของตน ๆ เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปวารณา
ไว้แล้วว่า ให้พวกเราถามได้ตามโอกาส ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้าอันติสสเมต-
เตยยมาณพทูลถามแล้ว ทรงพยากรณ์แก่อันเตวาสิกเหล่านั้น. พึงทราบว่า
สูตรเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งการถาม ด้วยประการฉะนี้แล.
เมื่อจบปัญหาของอชิตะแล้ว โมฆราช เริ่มจะทูลถามปัญหาอย่างนี้ว่า
มัจจุราชย่อมไม่เห็นผู้เพ่งดูโลกอย่างไร. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า
อินทรีย์ของโมฆราชนั้นยังไม่แก่กล้า จึงทรงห้ามว่า ดูก่อนโมฆราช ท่านจง
หยุดูก่อน คนอื่นจงถามเถิด. ลำดับนั้น ติสสเมตเตยยะเมื่อจะทูลถามความสงสัย
ของตน จึงกล่าวคาถาว่า โกธ ดังนี้เป็นต้น.
ในบทเหล่านั้น บทว่า โกธ สนฺตุสฺสิโต คือใครชื่อว่าเป็นผู้ยินดี
ในโลกนี้. บทว่า อิญฺชิตา ความหวั่นไหว คือความดิ้นรนด้วยตัณหาและ
ทิฏฐิ. บทว่า อุภนฺตมภิญฺญาย คือรู้ส่วนสุดทั้งสอง. บทว่า มนฺตา น ลิมฺปติ
คือไม่ติดอยู่ ด้วยปัญญา.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงพยากรณ์ความนั้นแก่ติสสเมตเตยยะจึง
ตรัสสองคาถาว่า กาเมสุ ในกามทั้งหลาย ดังนี้เป็นต้น.
1. บาลีเป็น ติสสเมตเตยปัญหา.