เมนู

ขัคควิสาณสูตรที่ 3


ว่าด้วยผู้เที่ยวไปคนเดียวเหมือนนอแรด


[296] บุคคลวางอาชญาในสัตว์ทั้ง
ปวงแล้ว ไม่เบียดเบียนบรรดาสัตว์เหล่านั้น
แม้ผู้ใดผู้หนึ่งให้ลำบาก ไม่พึงปรารถนาบุตร
จะพึงปรารถนาสหายแต่ที่ไหน พึงเที่ยวไป
ผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.

ความเยื่อใยย่อมมีแก่บุคคลผู้เกี่ยว
ข้องกัน ทุกข์นี้ย่อมเกิดขึ้นตามความเยื่อใย
บุคคลเล็งเห็นโทษอันเกิดแต่ความเยื่อใย พึง
เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลอนุเคราะห์มิตรสหาย เป็นผู้มี
จิตปฏิพัทธ์แล้ว ชื่อว่าย่อมยังประโยชน์ให้
เสื่อม บุคคลเห็นภัย คือ การยังประโยชน์
ให้เสื่อมในการเชยชิดนี้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลข้องอยู่แล้ว ด้วยความเยื่อใย
ในบุตรและภริยา เหมือนไม้ไผ่กอใหญ่เกี่ยว
ก่ายกัน ฉะนั้น บุคคลไม่ข้องอยู่ เหมือน

หน่อไม้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

เนื้อในป่าที่บุคคลไม่ผูกไว้แล้ว ย่อม
ไปหากินตามความปรารถนา ฉันใด นรชน
ผู้รู้แจ้ง เพ่งความประพฤติตามความพอใจ
ของตน พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียวเหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

การปรึกษาในที่อยู่ ที่ยืน ในการไป
ในการเที่ยว ย่อมมีในท่ามกลางแห่งสหาย
บุคคลเพ่งความประพฤติตามความพอใจ ที่
พวกบุรุษชั่วไม่เพ่งเล็งแล้วพึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

การเล่น การยินดี ย่อมมีในท่าม-
กลางแห่งสหาย อนึ่ง ความรักที่ยิ่งใหญ่
ย่อมมีในบุตรทั้งหลาย บุคคลเมื่อเกลียดชัง
ความพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็น
ที่รัก พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

บุคคลย่อมเป็นอยู่ตามสบาย ในทิศ
ทั้งสี่และไม่เดือดร้อน ยินดีด้วยปัจจัยตามมี

ตามได้ ครอบงำเสียซึ่งอันตราย ไม่หวาด-
เสียว พึงเป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

แม้บรรพชิตบางพวกก็สงเคราะห์ได้
ยาก อนึ่ง คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนสงเคราะห์
ได้ยาก บุคคลเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย
ในบุตรของผู้อื่น พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
นอแรด ฉะนั้น.

นักปราชญ์ละเหตุ อันเป็นเครื่อง
ปรากฏแห่งคฤหัสถ์ ดุจต้นทองหลางมีใบ
ร่วงหล่น ตัดเครื่องผูกแห่งคฤหัสถ์ได้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

ถ้าว่าบุคคลพึงได้สหายผู้มีปัญญา
เครื่องรักษาตน ผู้เที่ยวไปร่วมกันได้มีปรกติ
อยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ไซร้ พึง
ครอบงำอันตรายทั้งปวง เป็นผู้มีใจชื่นชม
มีสติ เที่ยวไปกับสหายนั้น.

หากว่าบุคคลไม่พึงได้สหายผู้มี
ปัญญาเครื่องรักษาตน ผู้เที่ยวไปร่วมกันได้
มีปรกติอยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ไซร้

พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว ดุจพระราชาทรงละ
แว่นแคว้นอันพระองค์ทรงชนะแล้วเสด็จไป
แต่ผู้เดียว ดุจช้างชื่อมาตังคะละโขลงเที่ยว
อยู่ในป่าแต่ตัวเดียว ฉะนั้น.

เราย่อมสรรเสริญสหายผู้ถึงพร้อม
ด้วยศีลขันธ์เป็นต้น พึงคบสหายผู้ประเสริฐ
สุด ผู้เสมอกัน กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประ-
เสริฐสุดและผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว พึงเป็น
ผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ เที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลแลดูกำไลทองทั้งสองอันงาม
ผุดผ่อง ที่บุตรแห่งนายช่างทองให้สำเร็จ
ด้วยดีแล้ว กระทบกันอยู่ในข้อมือ พึงเที่ยว
ไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

การที่เราจะพึงพูดจากับพระกุมารที่
สอง หรือการข้องอยู่ด้วยอำนาจแห่งความ
เยื่อใย พึงมีได้อย่างนี้ บุคคลเล็งเห็นภัยนี้
ในอนาคต พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

ก็กามทั้งหลายงามวิจิตร มีรสอร่อย
เป็นที่รื่นรมย์ใจ ย่อมย่ำยีจิตด้วยรูปแปลกๆ
บุคคลเห็นโทษในกามคุณทั้งหลายแล้ว พึง
เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลเห็นภัย คือ จัญไร ฝี อุปัทวะ
โรค ลูกศร และความน่ากลัวนี้ ในกามคุณ
ทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
นอแรด ฉะนั้น.

บุคคลพึงครอบงำอันตรายเหล่านี้แม้
ทั้งปวง คือ หนาว ร้อน หิว ระหาย ลม
แดด เหลือบและสัตว์เสือกคลานแล้ว พึง
เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลพึงเป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
นอแรด เปรียบเหมือนช้างใหญ่ที่เกิดใน
ตระกูลปทุม มีขันธ์เกิดขึ้นแล้ว ละโขลง
อยู่ในป่าตามอภิรมย์ ฉะนั้น.

บุคคลพึงใคร่ครวญถ้อยคำของพระ-
ปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ว่า
การที่บุคคลผู้ยินดีแล้วด้วยการคลุกคลีด้วย
คณะจะพึงบรรลุวิมุตติอันมีในสมัย นั้นไม่

เป็นฐานะที่จะมีได้พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
นอแรด ฉะนั้น.

เราล่วงพ้นทิฏฐิอันเป็นข้าศึกได้แล้ว
ถึงความเป็นผู้เที่ยง ได้มรรคแล้ว เป็นผู้มี
ญาณเกิดขึ้นแล้ว อันผู้อื่นไม่พึงแนะนำ พึง
เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลผู้ไม่โลภ ไม่หลอกลวง ไม่มี
ความกระหาย ไม่ลบหลู่ มีโมหะดุจน้ำฝาด
อันกำจัดเสียแล้ว ไม่มีความอยาก ครอบงำ
โลกทั้งปวงได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
นอแรด ฉะนั้น.

กุลบุตรพึงเว้นสหายผู้ลามก ไม่พึง
เสพด้วยตนเอง ซึ่งสหายผู้ชี้บอกความ
ฉิบหายมิใช่ประโยชน์ ผู้ตั้งอยู่ในกรรมอัน
ไม่เสมอ ผู้ข้องอยู่ ผู้ประมาท พึงเที่ยวไป
ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลพึงคบมิตรผู้เป็นพหูสูตทรง
ธรรม ผู้ยิ่งด้วยคุณธรรม มีปฏิภาณ รู้จัก
ประโยชน์ ทั้งหลาย กำจัดความสงสัยได้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลไม่พอใจการเล่น ความยินดี
และกามสุขในโลกแล้ว ไม่เพ่งเล็งอยู่ เว้น
จากฐานะแห่งการประดับ มีปกติกล่าวคำ-
สัตย์ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

บุคคลละบุตร ภรรยา บิดา มารดา
ทรัพย์ ข้าวเปลือก พวกพ้อง และกามซึ่ง
ตั้งอยู่ตามส่วนแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
นอแรด ฉะนั้น.

บัณฑิตทราบว่าความเกี่ยวข้องใน
เวลาบริโภคเบญจกามคุณนี้มีสุขน้อย มีความ
ยินดีน้อย มีทุกข์มาก ดุจหัวฝี ดังนี้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลพึงทำลายสังโยชน์ทั้งหลายเสีย
เหมือนปลาทำลายข่าย เหมือนไฟไม่หวน
กลับมาสู่ที่ไหม้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลผู้มีจักษุทอดลงแล้ว ไม่คะนอง
เท้า มีอินทรีย์อันคุ้มครองแล้ว มีใจอันรักษา
แล้ว ผู้อันกิเลสไม่รั่วรดแล้ว และอันไฟ

คือกิเลสไม่แผดเผาอยู่ พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลละเพศแห่งคฤหัสถ์ ดุจต้น
ทองหลางมีใบร่วงหล่นแล้วนุ่งห่มผ้ากาสายะ
ออกบวชเป็นบรรพชิต พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

ภิกษุไม่กระทำความยินดีในรสทั้ง-
หลาย ไม่โลเล ไม่เลี้ยงคนอื่น มีปกติเที่ยว
บิณฑบาตตามลำดับตรอก ผู้มีจิตไม่ผูกพัน
ในตระกูล พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

บุคคลละธรรมเป็นเครื่องกั้นจิต 5
อย่าง บรรเทาอุปกิเลสทั้งปวงแล้ว ผู้อัน
ทิฏฐิไม่อาศัย ตัดโทษคือความเยื่อใยได้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลละสุข ทุกข์ โสมนัสและ
โทมนัสในกาลก่อนได้ ได้อุเบกขาและสมถะ
อันบริสุทธิ์แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
นอแรด ฉะนั้น.

บุคคลปรารภความเพียรเพื่อบรรลุ
ปรมัตถประโยชน์ มีจิตไม่หดหู่ มีความ

ประพฤติไม่เกียจคร้านมีความบากบั่นมั่นคง
ถึงพร้อมแล้ว ด้วยกำลังกาย และกำลังญาณ
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลไม่ละการหลีกเร้นและฌาน มี
ปกติประพฤติธรรม อันสมควรเป็นนิตย์ใน
ธรรมทั้งหลาย พิจารณาเห็นโทษในภพ
ทั้งหลาย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.

บุคคลผู้ปรารถนาความสิ้นตัณหา
พึงเป็นผู้ไม่ประมาท ไม่เป็นคนบ้าคนใบ้
มีการสดับ มีสติ มีธรรมอันกำหนดรู้แล้ว
เป็นผู้เที่ยง มีความเพียร พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลไม่สะดุ้งในธรรมมีความไม่
เที่ยงเป็นต้น เหมือนราชสีห์ไม่สะดุ้งในเสียง
ไม่ข้องอยู่ ในธรรมมีขันธ์และอายตนะ
เป็นต้น เหมือนลมไม่ข้องอยู่ในข่าย ไม่ติด
อยู่ด้วยความยินดี และความโลภ เหมือน
ดอกปทุมไม่ติดอยู่ด้วยน้ำ พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลพึงเสพเสนาสนะอันสงัด เป็น
ผู้เที่ยวไปผู้เดียวเช่นกับนอแรด เหมือน
ราชสีห์มีเขี้ยวเป็นกำลัง ข่มขี่ครอบงำหมู่เนื้อ
เที่ยวไป ฉะนั้น.

บุคคลเสพอยู่ซึ่งเมตตาวิมุตติ กรุณา-
วิมุตติ มุทิตาวิมุตติ และอุเบกขาวิมุตติ
ในกาลอันควร ไม่ยินร้ายด้วยโลกทั้งปวง
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

บุคคลละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว
ทำลายสังโยชน์ทั้งหลายแล้ว ไม่สะดุ้งใน
เวลาสิ้นชีวิต พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
นอแรด ฉะนั้น.

มนุษย์ทั้งหลายผู้ไม่สะอาด มีปัญญา
มุ่งประโยชน์ตน ผู้ไม่มีเหตุ ย่อมคบหาสมา-
คบมิตรผู้หาได้ยากในทุกวันนี้ เพราะมีเหตุ
เป็นประโยชน์ บุคคลพึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.

จบขัคควิสาณสูตรที่ 3

อรรถกถาขัคควิสาณสูตร


วรรรคที่ 1


คาถาที่ 1


ขัคควิสาณสูตร เริ่มต้นว่า สพฺเพสุ ภูเตสุ ดังนี้ มีอุบัติอย่างไร.
พระสูตรทั้งปวงมีอุบัติ 4 อย่าง คือ เพราะอัธยาศัยของตน 1 เพราะ
อัธยาศัยของผู้อื่น 1 เพราะการเกิดขึ้นแห่งเรื่อง 1 เพราะอำนาจแห่งคำถาม 1.
จริงอยู่ สูตรทั้งหลายมีทวยตานุปัสสนาสูตรเป็นต้น มีอุบัติเพราะอัธยาศัยของ
ตน. สูตรทั้งหลายมีเมตตาสูตรเป็นต้น มีอุบัติเพราะอัธยาศัยของผู้อื่น สูตร
ทั้งหลายมีอุรคสูตรเป็นต้น มีอุบัติเพราะการเกิดขึ้นแห่งเรื่อง สูตรทั้งหลายมี
วัมมิกสูตรเป็นต้นมีอุบัติเพราะอำนาจแห่งคำถาม.
ในสูตรเหล่านั้น ขัคควิสาณสูตรมีอุบัติเพราะอำนาจแห่งคำถามโดย
ไม่แปลกกัน แต่โดยแปลกกัน เพราะในขัคควิสาณสูตรนี้บางคาถาพระปัจเจก-
สัมพุทธะนั้น ๆ ถูกถามจึงกล่าว บางคาถาไม่ถูกถาม จึงเปล่งอุทานอันสมควร
แก่นัยที่ตนสักว่าบรรลุแล้วเท่านั้น เพราะฉะนั้น บางคาถามีอุบัติเพราะอำนาจ
แห่งคำถาม บางคาถามีอุบัติเพราะอัธยาศัยของผู้อื่น บางคาถามีอุบัติเพราะ
อัธยาศัยของตน. ในอุบัติเหล่านั้น อุบัติเพราะอำนาจแห่งคำถามโดยไม่แปลก
กันนี้นั้น พึงทราบอย่างนี้จำเดิมแต่ต้น.
ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กรุงสาวัตถี ครั้งนั้นแล
พระอานนท์ผู้มีอายุไปในที่ลับหลีกเร้นอยู่ได้เกิดปริวิตกในใจอย่างนี้ว่า ความ
ปรารถนาและอภินิหารย่อมปรากฏแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย หาปรากฏแก่พระ-