เมนู

อรรถกถาสมณสูตร


ในสมณสูตรที่ 4 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า เย หิ เกจิ ได้แก่ บุคคลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง. บทว่า อิทํ
ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ
ความว่า ไม่รู้คือไม่แทงตลอดทุกขสัจ
อันไม่วิปริต ด้วยมรรคปัญญาที่ประกอบด้วยวิปัสสนาปัญญา โดยสภาวะและ
ลักษณะแห่งกิจที่แท้จริงว่า นี้ทุกข์ ทุกข์มีเพียงเท่านี้ ไม่มีทุกข์ยิ่งไปกว่านี้.
แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้แล. ในบทว่า น เม เต ภิกฺขเว เป็นต้น
มีความย่อดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลทั้งหลายผู้มิได้ประกอบ
กัมมัฏฐานมีสัจจะ 4 เป็นอารมณ์ จะเป็นสมณะได้ก็เพียงโดยการบรรพชา
และจะเป็นพราหมณ์ได้ก็เพียงโดยชาติ บุคคลเหล่านั้น เราตถาคตมิได้ยอมรับ
คือรับรองว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะผู้มีบาปอันสงบแล้วและว่าเป็นพราหมณ์
ในหมู่พราหมณ์ผู้ลอยบาปแล้ว เพราะเหตุไร ? เพราะบุคคลเหล่านั้นไม่มี
ธรรมที่ทำให้เป็นสมณะ และทำให้เป็นพราหมณ์. ด้วยเหตุนั้นแล พระผู้มี-
พระภาคเจ้า
จึงตรัสคําว่า น จ ปเนเต อายสฺมนฺโต เป็นต้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สามญฺญตฺถํ ได้แก่ ผล กล่าวคือคุณ
เครื่องเป็นสมณะ อธิบายว่า ได้แก่ สามัญผล 4. บทว่า พฺรหฺมญฺญตฺถํ
เป็นไวพจน์ของบทว่า สามญฺญตถํ นั้นนั่นแล. ฝ่ายอาจารย์อีกพวกหนึ่ง
กล่าวว่า บทว่า สามญฺญตฺถํ ได้แก่อริยมรรค 4 บทว่า พฺรหฺมญฺญตฺถํ
ได้แก่ อริยผล 4. บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล. ในสุกกปักษ์ (ธรรม
ฝ่ายขาว) พึงทราบความหมาย โดยบรรยายตรงข้ามจากที่กล่าวมาแล้ว.
ในคาถาทั้งหลาย คำที่ไม่เคยมี ไม่มี.
จบอรรถกถาสมณสูตรที่ 4