เมนู

อรรถกถาสักการสูตร


ในสักการสูตรที่ 2 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สกฺกาเรน ความว่า อันสักการะ อันเป็นดังเหตุ อีกอย่าง
หนึ่ง บทว่า สกฺกาเรน ความว่า ถูกเหตุหรือสักการะ หรือถูกอกุศลธรรม
มีสักการะเป็นเหตุ (ครอบงำ) อธิบายว่า เพราะอาศัยสักการะ บุคคลบางคน
ในโลกนี้ มีความปรารถนาลามก ถูกความอยากครองงำ ตั้งอยู่ในอิจฉาจาร
คิดว่า เราจักให้สักการะเกิดขึ้น แล้วประพฤติการแสวงหาที่ไม่เหมาะสมมาก
อย่าง จุติจากโลกนี้แล้ว จึงเกิดในอบายทั้งหลาย. ส่วนคนเหล่าอื่นได้สักการะ
อย่างใดแล้ว ถึงความประมาท อันมีสักการะอย่างนั้นเป็นนิมิต ด้วยสามารถ
แห่งมานะ (ความถือตัว) มทะ (ความเมา) และมัจฉริยะ (ความตระหนี่)
เป็นต้น จุติจากโลกนี้แล้ว จึงเกิดในอบายทั้งหลาย ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสหมายเอาว่า ผู้ถูกสักการะครอบงำ มีจิตอันสักการะหุ้มห่อแล้ว ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อภิภูตา ความว่า ถูกสักการะทับถมแล้ว.
บทว่า ปริยาทินฺนจิตฺตา ความว่า มีจิตอันสักการะให้ส่ายไปแล้ว คือเป็น
ผู้มีกุศลจิต ถูกอิจฉาจาร และอกุศลมีมานะ และมทะเป็นต้นให้ถึงความสิ้นไป.
อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ปริยาทินฺนจิตฺตา ความว่า มีจิตอันสักการะยึดเหนี่ยวไว้
รอบด้าน. อธิบายว่า เป็นผู้มีจิตสันดาน ถูกฝ่ายอกุศลธรรม มีประการดังกล่าว
แล้ว ยึดไว้แล้วรอบด้านโดยไม่มีวาระแห่งกุศลจิตเกิดขึ้น. บทว่า อสกฺกาเรน
ความว่า อันเหตุ คือ อสักการะ ที่ผู้อื่นให้เป็นไปแล้วในตน โดยมุ่งให้ละอาย
โดยเย้ยหยัน หรือถูกอกุศลธรรมมีมานะเป็นต้น ที่มีสักการะเป็นเหตุ (ครอบ-
งำแล้ว). บทว่า สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จ ความว่า ถูกทั้งสักการะ